ลิ้นหัวใจรั่ว ส่งสัญญาณเหนื่อยง่าย อ่อนเพลียมากขึ้น

ศูนย์ : ศูนย์หัวใจ

บทความโดย : พญ. พัชรี ภาวศุทธิกุล

ลิ้นหัวใจรั่ว

โรคลิ้นหัวใจรั่ว ฟังดูอาจไม่อันตราย แต่ความจริงแล้ว หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ เพราะลิ้นหัวใจทำหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนเลือดให้เป็นไปตามทิศทางที่ถูกต้อง โดยไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับผิดทาง เมื่อมีการบีบและคลายตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ หากเกิดความผิดปกติ มีการเสื่อมสภาพ หรือเกิดลิ้นหัวใจรั่ว ก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น จนเกิดภาวะต่าง ๆ ทั้งหัวใจโต เลือดคั่งในหัวใจ เลือดคั่งในปอด ตามมาได้ บางรายก็อาจเสียชีวิตได้เนื่องจากการทำงานของหัวใจล้มเหลว


โรคลิ้นหัวใจรั่ว คืออะไร?


โรคลิ้นหัวใจรั่ว คืออะไร โรคลิ้นหัวใจรั่ว คืออะไร

โรคลิ้นหัวใจรั่ว (Heart Valve Regurgitation) คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่ทำให้ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท มีรูรั่วหรือขาดเป็นสาเหตุให้เลือดไหลย้อนกลับ หัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดให้เพียงพอ คนที่เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วจะใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ ได้ไม่เต็มที่ เพราะจะทำให้เหนื่อยง่าย บางรายก็อาจเสียชีวิตได้เนื่องจากการทำงานของหัวใจล้มเหลว ลิ้นหัวใจมีทั้งหมด 4 ลิ้น เมื่อเกิดลิ้นหัวใจรั่วจะพบดังนี้

  1. ลิ้นหัวใจไมตรัลรั่ว (Mitral Valve Regurgitation) เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างหัวใจห้องบนและล่างซ้าย เมื่อหัวใจบีบตัวทำให้เลือดไหลย้อนกลับไปที่หัวใจห้องบน
  2. ลิ้นหัวใจเอออร์ติกรั่ว (Aortic Valve Regurgitation) เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่อยู่ระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายและหลอดเลือดเอออตาร์ จากความผิดปกติแต่กำเนิดหรือลิ้นหัวใจมีการติดเชื้อ เมื่อหัวใจบีบตัวทำให้เลือดที่ไหลไปยังหลอดเลือดเกิดการไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หัวใจห้องล่างซ้าย
  3. ลิ้นหัวใจไตรคัสปิดรั่ว (Tricuspid Valve Regurgitation) พบได้บ่อยในภาวะหัวใจห้องขวาล่างโต เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจไตรคัสปิดที่อยู่ระหว่างห้องหัวใจขวาบนและล่าง เมื่อหัวใจบีบตัวทำให้เลือดไหลย้อนกลับขึ้นไป และทำให้ปริมาณเลือดที่ส่งไปยังปอดลดลง
  4. ลิ้นหัวใจพัลโมนารีรั่ว (Pulmonary Valve Regurgitation) เกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจพัลโมนารีที่อยู่ระหว่างหัวใจห้องขวาล่างและปอด เมื่อหัวใจบีบตัว เป็นเหตุให้เลือดไหลย้อนกลับไปที่หัวใจห้องล่างขวา จนปอดได้รับออกซิเจนที่ถูกลำเลียงไปกับเลือดไม่เพียงพอ ทั้งนี้พบได้น้อยมากหรือเกิดจากภาวะความดันในปอดสูง

> กลับสารบัญ


ลิ้นหัวใจรั่วเกิดจากอะไร?

โรคลิ้นหัวใจรั่ว เกิดจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อลิ้นหัวใจมาแต่กำเนิดเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ลิ้นหัวใจเสื่อมไวกว่าคนทั่วไป โดยอาจไม่มีอาการใด ๆ ในวัยเด็ก หรือตั้งแต่มารดาตั้งครรภ์ แต่จะเริ่มเหนื่อยง่าย ใจสั่น เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น รวมไปถึงสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่

  • ลิ้นหัวใจเสื่อมตามอายุ มักพบในวัยผู้สูงอายุ เกิดจากการเสื่อมสภาพ ซึ่งเนื้อเยื่อของลิ้นหัวใจมีความเสื่อมและมีหินปูนเกาะที่ลิ้นหัวใจ จนทำให้การเปิดหรือปิดของลิ้นหัวใจผิดปกติและนำไปสู่โรคลิ้นหัวใจรั่ว หรือ ทั้งรั่วและตีบ
  • โรคหัวใจรูมาติก มักพบในเด็กอายุ 5 ขวบขึ้นไป สาเหตุเกิดหลังการติดเชื้อที่บริเวณคอแล้วเกิดอาการอักเสบตามมาซึ่งจะมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ และลิ้นหัวใจ ทำให้มีลิ้นหัวใจรั่ว หรือถ้าเป็นเรื้อรังทำให้ลิ้นหัวใจตีบ
  • โรคลิ้นหัวใจรั่วจากการติดเชื้อ เกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และตัวเชื้อโรคไปเกาะกินที่ลิ้นหัวใจ
  • ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายและเกิดลิ้นหัวใจรั่วตามมา กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนไปแล้ว ร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน สูบบุหรี่ กรรมพันธุ์ เป็นต้น ทั้งนี้โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ สามารถรักษาได้ด้วยการทำบอลลูนหัวใจ หรือ บายพาสหัวใจ

> กลับสารบัญ


สัญญาณอาการโรคลิ้นหัวใจรั่ว

โรคลิ้นหัวใจรั่วถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว เพราะโรคนี้มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก แต่จะเริ่มแสดงอาการเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นแต่ก็ไม่รุนแรง และจะแสดงอาการรุนแรงเมื่ออายุประมาณ 40 - 50 ปี จนทำให้ผู้ป่วยเหนื่อยและอ่อนเพลียมากขึ้น เกือบ ๆ จะทุกการเคลื่อนไหว โดยโรคลิ้นหัวใจรั่ว อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ลิ้นหัวใจรั่วทางด้านขวา ประสิทธิภาพในการทำงานของอวัยวะฝั่งนั้นก็จะลดลง จะมีอาการ ได้แก่ ขาบวม ท้องอืด ตับโต หัวใจทางขวาบวม คอโป่ง หน้าบวม
  • ลิ้นหัวใจรั่วทางด้านซ้าย จะทำให้มีอาการเหนื่อยเร็วขึ้นเมื่อออกแรง หรือมีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลว คือ เหนื่อยมาก หอบ นอนราบไม่ได้ หายใจลำบาก

> กลับสารบัญ


ลิ้นหัวใจรั่วมีการตรวจวินิจฉัยอย่างไร?

การตรวจวินิจฉัยโรคลิ้นหัวใจรั่วสามารถทำได้โดยตรวจการทำงานของหัวใจได้ ผ่านด้วยการฟังเสียงหัวใจ และการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram) ซึ่งเป็นการตรวจด้วยอุปกรณ์คลื่นเสียงความถี่สูง โดยอุปกรณ์จะส่งคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปและจำลองภาพของหัวใจ วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์เห็นความผิดปกติของลิ้นหัวใจได้ ว่ารั่วแบบไหน และประเมินความรุนแรงของตัวโรคว่ารั่วมาก หรือรั่วน้อยและมีข้อบ่งชี้ในการรักษาต่อไปอย่างไร

> กลับสารบัญ



ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

วิธีรักษาอาการลิ้นหัวใจรั่ว


รักษาลิ้นหัวใจรั่ว รักษาลิ้นหัวใจรั่ว

ลิ้นหัวใจรั่วไม่ผ่าตัดได้ไหม? สามารถทำได้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการลิ้นหัวใจรั่วไม่รุนแรง มีการเสื่อมสภาพเพียงเล็กน้อย หรือปานกลาง แพทย์จะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวและเฝ้าระวังติดตามอาการ และจะรักษาด้วยการให้ยาขับปัสสาวะเพื่อช่วยเสริมการทำงานของหัวใจให้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก มีลิ้นหัวใจรั่วมาก จนกระทั่งกล้ามเนื้อที่พยุงการปิด-เปิด ลิ้นหัวใจเกิดการหย่อนยาน ปูด หรือหนา แพทย์จะพิจารณาใช้วิธีรักษาด้วยการผ่าตัด และไม่ผ่าตัด โดยศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลนครธนจะมีแนวทางการรักษาลิ้นหัวใจรั่ว ดังนี้

  1. การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ (Valve Repair) ในกรณีที่ลิ้นหัวใจถูกทำลาย ฉีกขาดหรือรั่ว สามารถผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจให้กลับมาเป็นปกติได้ เป็นการผ่าตัดซ่อมแซมแก้ไขส่วนที่เสียหายของลิ้นหัวใจ โดยการลอกหินปูนที่จับตัวออก และใช้เนื้อเยื่อหัวใจของผู้ป่วยเองมาซ่อมแซม ทำให้ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย และสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพใกล้เคียงแบบเดิม
  2. การเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือ TAVI (Transcatheter Aortic Valve Implantation) เป็นการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติกเดิมที่เสื่อมสภาพหรือใช้การไม่ได้ ด้วยการใช้สายสวนผ่านหลอดเลือดแดงบริเวณขาหนีบ แล้วใช้ลิ้นหัวใจแบบเนื้อเยื่อยึดติดกับขดลวดพิเศษ ส่งขึ้นไปถึงตำแหน่งลิ้นหัวใจเอออร์ติกดด้วยระบบท่อนำทาง จากนั้นปล่อยลิ้นหัวใจเทียมให้กางออก เพื่อทำหน้าที่แทนลิ้นหัวใจเอออร์ติกเดิม
    ทั้งนี้ทางศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลนครธน ได้นำเครื่องเอกซเรย์สำหรับตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดชนิดสองระนาบ Biplane DSA เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการรักษาให้มีประสิทธิภาพและความแม่นยำ ปลอดภัยการยิ่งขึ้น ลดภาวะแทรกซ้อน ลดความเสี่ยงอันเกิดจากการผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ในระยะสั้น
  3. การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ (Valve Replacement) เป็นการผ่าตัดแบบวิธีมาตรฐาน คือ การเปิดแผลผ่าตัดกึ่งกลางหน้าอก เป็นการรักษาโรคลิ้นหัวใจผิดปกติ ในกรณีพยาธิสภาพของลิ้นหัวใจสูญเสีย หรือเสื่อมสภาพไปมากแล้ว เช่น ฉีกขาดมาก หรือมีหินปูนเกาะ ทำให้ศัลยแพทย์ไม่สามารถผ่าตัดโดยการซ่อมแซมลิ้นหัวใจเดิมของผู้ป่วยได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจใหม่ ด้วยการเอาลิ้นหัวใจที่เสียหายออก และนำลิ้นหัวใจเทียมใส่เข้าไปแทน

> กลับสารบัญ


วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว

ในกรณีที่ไม่ได้เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วที่เป็นมาแต่กำเนิด มีวิธีป้องกันและลดความเสี่ยงได้ดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีน้ำตาล ไขมัน และเกลือโซเดียมสูง
  • งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ควบคุมความเสี่ยงที่เกิดจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ภาวะคอเลสเตอรอลสูง เป็นต้น
  • เมื่อเกิดอาการแน่นหน้าอกหรือความผิดปกติที่เกี่ยวกับหัวใจ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

> กลับสารบัญ


ลิ้นหัวใจรั่ว สามารถป้องกันและรักษาได้

เพราะโรคลิ้นหัวใจรั่วมักจะไม่ค่อยแสดงอาการ ต้องหมั่นสังเกตตัวเอง ตรวจเช็กร่างกายและสุขภาพหัวใจทุกปี เมื่อพบรอยโรคจะได้รักษาแต่เนิ่น ๆ เพื่อชะลอโรคและไม่ให้ลิ้นหัวใจ เสื่อมเร็วกว่าที่ควร โดยสามารถเข้ามารับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลนครธน เพราะเราให้บริการตั้งแต่การตรวจคัดกรองไปจนถึงการรักษาโรคหัวใจต่าง ๆ อาทิ ลิ้นหัวใจรั่ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ มีการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือ แพทย์มัณฑนากรหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งเครื่องมือการรักษาที่ทันสมัย พร้อมไปด้วยห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ ห้องผ่าตัด และห้องพักผู้ป่วยวิกฤตโรคหัวใจที่ได้มาตรฐาน ทำให้การรักษาสามารถทำได้หลายวิธี อีกทั้งยังช่วยประเมินสถานการณ์และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

> กลับสารบัญ


ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:

  1. - Website : https://www.nakornthon.com
  2. - Facebook : Nakornthon Hospital
  3. - Line : @nakornthon
  4. - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย