ภูมิแพ้ โรคธรรมดาที่ไม่ธรรมดาซึ่งควรระวัง!
ศูนย์ : บริการทางการแพทย์ด้านภูมิแพ้, ศูนย์สุขภาพเด็ก
บทความโดย : พญ. วราลี ผดุงพรรค

คุณรู้หรือไม่ว่า “ภูมิแพ้ ” คือหนึ่งในโรคที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาการจาม น้ำมูกไหล หรือผื่นคันเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่อาจลดทอนคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิต การเรียน และการทำงานได้อย่างไม่รู้ตัว โดยในยุคที่สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด การเข้าใจโรคภูมิแพ้อย่างลึกซึ้งจึงไม่ใช่แค่เพื่อการรักษา แต่เพื่อเป็นการป้องกันและจัดการกับอาการภูมิแพ้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญ
- ภูมิแพ้ (Allergy) คืออะไร?
- ภูมิแพ้เกิดขึ้นได้อย่างไร
- ภูมิแพ้ (Allergy) เกิดจากอะไร
- อาการของโรคภูมิแพ้
- ภูมิแพ้มีกี่ชนิด?
- วิธีการวินิจฉัยภูมิแพ้
- วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้
- การป้องกันและดูแลตนเองจากโรคภูมิแพ้
- โรคภูมิแพ้สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?
- ภูมิแพ้ รู้ทัน ป้องกันได้
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ภูมิแพ้ (Allergy) คืออะไร?


ภูมิแพ้ (Allergy) คือภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อสิ่งที่ไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ร่างกายจะมองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นศัตรู และสร้างปฏิกิริยาตอบสนองเกินปกติ เช่น อาการของภูมิแพ้ จมูกอักเสบ มักจะมีน้ำมูกไหล จาม คันตา หรือแม้กระทั่งอาการรุนแรงถึงขั้นหายใจไม่ออก หอบหืดกำเริบ
ภูมิแพ้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ปกติแล้วระบบภูมิคุ้มกันมีหน้าที่ปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตราย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา แต่ในผู้ป่วยภูมิแพ้ ระบบภูมิคุ้มกันจะเข้าใจผิดคิดว่าสารก่อภูมิแพ้เป็นภัยคุกคาม และจะสร้าง แอนติบอดีชนิด IgE ออกมาเพื่อต่อสู้กับสารเหล่านั้น เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ซ้ำอีก แอนติบอดีเหล่านี้จะกระตุ้นให้เซลล์บางชนิดในร่างกาย หลั่งสารเคมีต่าง ๆ ออกมา โดยเฉพาะฮิสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการแพ้ต่าง ๆ ที่เราคุ้นเคย
ภูมิแพ้ (Allergy) เกิดจากอะไร
ภูมิแพ้เกิดจากอะไร ภูมิแพ้ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ มักเป็นสารจำพวกโปรตีน โรคภูมิแพ้นั้นสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ โดยลูกที่เกิดจากคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นภูมิแพ้ มีโอกาสป่วยเป็นโรคภูมิแพ้สูงถึงร้อยละ 50-80%
นอกจากปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว การเกิดโรคภูมิแพ้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การได้รับสารก่อภูมิแพ้ในปริมาณมากและเป็นระยะเวลานาน เช่น สารก่อภูมิแพ้ทางอากาศไรฝุ่น แมลงสาบ สัตว์เลี้ยง การสัมผัสมลพิษ (Pollutant) หรือควันบุหรี่ และสารก่อภูมิแพ้ทางอาหาร เช่น นมวัว ไข่ อาหารทะเล ผู้ป่วยโรคภมิแพ้แต่ละคนจะมีอาการและความรุนแรงไม่เท่ากัน เพราะชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคลต่างกัน

อาการของโรคภูมิแพ้


อาการของโรคภูมิแพ้จะแตกต่างกันไปตามชนิดของสารก่อภูมิแพ้ และปฏิกิริยาของร่างกายแต่ละบุคคล โดยในโรคภูมิแพ้ อาการทั่วไป ได้แก่
อาการทางระบบทางเดินหายใจ- จามบ่อย
- น้ำมูกใสไหล
- คัดจมูก
- คันตา คันจมูก ตาแดง น้ำตาไหล
- ไอเรื้อรัง
- หอบเหนื่อย (กรณีเป็นโรคหอบหืด)
อาการทางผิวหนัง
- ผื่นลมพิษหรือผื่นแดง
- อาการบวม (กรณีแพ้รุนแรง เช่น แพ้อาหาร)
อาการทางเดินอาหาร
- อาการท้องเสีย อาเจียน น้ำหนักลด
ภูมิแพ้มีกี่ชนิด?
ภูมิแพ้สามารถจำแนกออกเป็นชนิดต่าง ๆ ตามสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) หรือกลไกการเกิดปฏิกิริยา ซึ่งการเข้าใจชนิดของภูมิแพ้จะช่วยในการวินิจฉัยและการวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ดังนี้
- ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เป็นกลุ่มภูมิแพ้ที่สารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ และส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ แบ่งเป็น
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือ ภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อจมูกเรื้อรังเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ โดยสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น แมลงสาบ รังแค สุนัข แมว เชื้อรา เป็นต้น อาการที่พบบ่อยได้แก่ คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม คันตา คันจมูก หรือมีอาการไอ
- โรคหอบหืดจากภูมิแพ้ (Allergic Asthma) เป็นการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้มีอาการไอ มีเสมหะ แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก อาจได้ยินเสียงหวีดในทรวงอก เหนื่อยหอบง่าย โดยมักเป็นหลังเจอปัจจัยกระตุ้น เช่น อากาศเย็น สัมผัสฝุ่นละออง รวมถึงควันบุหรี่ ละอองเกสร หรือบางรายก็อาจโดนกระตุ้นด้วยการออกกำลังกาย หรือไอมาก หอบหลังเป็นหวัด ติดเชื้อทางเดินหายใจ หากไม่รีบรับการรักษาจะเกิดภาวะหลอดลมตีบรุนแรง จนการหายใจล้มเหลว อันตรายถึงแก่ชีวิตได้
- ภูมิแพ้ผิวหนัง (Allergic Dermatitis/Urticaria) มักแสดงออกในรูปแบบของผื่นคัน ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ ผิวแห้ง ลอก หรือเป็นขุย
- ภูมิแพ้จากอาหาร (Food Allergy) อาจมีอาการทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือมีอาการทางผิวหนัง (ลมพิษ) และทางเดินหายใจร่วมด้วย ในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้น ภาวะแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
- ภูมิแพ้ยา (Drug Allergy) มักเกิดอาการผื่นคัน ลมพิษ หายใจลำบาก หรือรุนแรงถึงขั้น Anaphylaxis
- ภูมิแพ้ตา (Allergic Conjunctivitis) มีอาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหล
วิธีการวินิจฉัยภูมิแพ้
การวินิจฉัยภูมิแพ้ จะเริ่มจากการซักประวัติอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจร่างกาย จากนั้นแพทย์อาจพิจารณาทำการทดสอบเพิ่มเติม โดยการตรวจวินิจฉัยโรคภูมิแพ้สามารถทำได้ดังนี้
- การทดสอบภูมิแพ้โดยการสะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test) เป็นหนึ่งในวิธีการทดสอบสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ชนิดเฉียบพลัน IgE-Mediated โดยทำที่บริเวณผิวหนัง แพทย์จะหยดน้ำยาที่ต้องการทดสอบลงบนผิวหนัง แล้วใช้ปลายเข็มสะกิดเพื่อให้น้ำยาสามารถซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนัง รออ่านผล 15-20 นาที ถ้าแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด จะเกิดปฏิกิริยา นูน บวม แดง คล้ายตุ่มยุงกัดของผิวหนังบริเวณตำแหน่งที่หยดน้ำยาชนิดนั้น ๆ ข้อดีคือสะดวกรวดเร็ว และทราบผลในวันตรวจเลย ข้อจำกัดคือต้องงดรับประทานยาแก้แพ้ก่อนวันมาตรวจอย่างน้อย 7 วัน
- การตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด (Allergy Blood Test) เป็นการนำตัวอย่างเลือดไปตรวจหาหาปริมาณภูมิต้านทานชนิด E หรืออิมมูโนโกลบูลินอี (IgE) ชนิดที่จำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิดโดยตรง (Specific IgE) ในห้องปฏิบัติการ โดยผลตรวจจะทำให้แพทย์ประเมินได้ว่า ผู้ป่วยนั้นแพ้สารชนิดใดบ้าง และมากน้อยเพียงใด สามารถตรวจได้ทั้งสารก่อภูมิแพ้อาหาร และทางอากาศ
วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้


การรักษาโรคภูมิแพ้มีเป้าหมายหลักคือควบคุมอาการ และป้องกันการกำเริบของโรค แม้ว่าโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถควบคุมอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ดังนี้
- การหลีกเลี่ยงสารที่ก่อภูมิแพ้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมอาการ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ และพยายามดูแลสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบหมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาสุขภาพจิตให้สดชื่นแจ่มใส
- การรักษาด้วยยา เช่น ยาแก้แพ้รักษาอาการผื่นคัน ยาลดน้ำมูก สเปรยืพ่นจมูกรักษาภูมิแพ้ ยาขยายหลอดลมแก้อาการหอบ แน่นหน้าอก เป็นต้น
- การรักษาด้วยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ มีจุดประสงค์คือให้ร่างกายผู้ป่วยสร้างภูมิต้านทานต่อสิ่งที่แพ้ได้เอง โดยใช้วัคซีนที่เตรียมจากสารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
- การผ่าตัด ใช้ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการคัดจมูก ซึ่งให้การรักษาโดยการใช้ยาอย่างเต็มที่แล้วไม่ดีขึ้น หรือมีโรคบางอย่างร่วมด้วย เช่น ผนังกั้นช่องจมูกคด เยื่อบุจมูกบวมมากผิดปกติ ซึ่งไม่ดีขึ้นหลังให้การรักษาด้วยยา
การป้องกันและดูแลตนเองจากโรคภูมิแพ้
การป้องกันโรคภูมิแพ้ที่ดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้เท่าที่จะทำได้ รวมถึงการดูแลสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
- ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดไรฝุ่น
- ใช้เครื่องฟอกอากาศ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงหากมีอาการแพ้ขนสัตว์
- เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และจัดการกับความเครียด
โรคภูมิแพ้สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว โรคภูมิแพ้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้อย่างถาวร แต่สามารถควบคุมอาการให้ดีขึ้นจนผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงคนปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ และแม้จะไม่มีการรักษาที่ทำให้หายขาด แต่ก็มีวิธีการจัดการและควบคุมอาการอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยในการปฏิบัติตัวอย่างต่อเนื่อง เช่น การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ได้น้อยลง
ภูมิแพ้ รู้ทัน ป้องกันได้
โรคภูมิแพ้ แม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถควบคุมและป้องกันอาการไม่ให้กำเริบได้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ การรู้เท่าทันอาการ และการรู้วิธีป้องกันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการเกิดอาการกำเริบ
หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นภูมิแพ้ เช่น อาการคัน จาม น้ำมูกไหล หายใจลำบาก หรือผื่นลมพิษ ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยโรงพยาบาลนครธน พร้อมให้บริการทางการแพทย์ด้านภูมิแพ้ ตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคภูมิแพ้ครบวงจรด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้ พร้อมด้วยทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี เครื่องมือตรวจที่ทันสมัย ทำให้การตรวจหาสาเหตุของอาการภูมิแพ้เป็นไปอย่างแม่นยำ เพื่อนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์บริการทางการแพทย์ด้านภูมิแพ้, ศูนย์สุขภาพเด็ก