ปัสสาวะขัด ปัสสาวะสะดุด เสี่ยงต่อมลูกหมากโต

ศูนย์ : ศูนย์ศัลยกรรม

บทความโดย : นพ. พิเชฐ รุ่งศิริแสงรัตน์

ปัสสาวะขัด ปัสสาวะสะดุด เสี่ยงต่อมลูกหมากโต

คุณผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป คุณเคยสังเกตตัวเองไหมว่าคุณมีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่ ปัสสาวะขัด ปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะสะดุด เบ่งนานกว่าจะออก ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน โดยอาการที่ว่ามานี้จะเริ่มแสดงออกอย่างชัดเจนหลังจากอายุ 50 ปี ขึ้นไปแล้ว ซึ่งสาเหตุมาจากต่อมลูกหมากโตขึ้นไปกดเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลงทำให้เกิดอาการปัสสาวะผิดปกตินั่นเอง และเมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดอาการดังกล่าวก็จะเพิ่มสูงขึ้น


หากคุณมีอาการเตือนเหล่านี้ เสี่ยงต่อมลูกหมากโต

  1. ปัสสาวะขัด ต้องเบ่ง ใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ
  2. มีปัญหาเรื่องการไหลของปัสสาวะ ไม่เป็นสาย ไหลกระปริบๆ
  3. ปัสสาวะสะดุด ไหลๆ หยุดๆ
  4. ปัสสาวะบ่อยขึ้น บ่อยมากๆ
  5. ปัสสาวะไม่สุดและมีหยดๆ ตามมาตอนท้าย
  6. ตื่นบ่อยๆ เนื่องจากการปัสสาวะบ่อย
  7. เกิดการปัสสาวะเล็ด เนื่องจากไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้
  8. ปัสสาวะแล้วมีอาการเจ็บ อาจจะทั้งองคชาติ และ หรือ อัณฑะ

ถ้าคุณมี 3 อาการขึ้นไป สันนิษฐานได้เลยว่ามีความผิดปกติบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับต่อมลูกหมากของคุณ ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะหันมาใส่ใจสุขภาพของต่อมลูกหมากอย่างจริงจังก่อนจะนำไปสู่กรวยไตอักเสบและไตวายเรื้อรังในที่สุด


โรคต่อมลูกหมากโตในผู้ชาย

โรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostate Hypertrophy: BPH) คือภาวะที่ต่อมลูกหมากซึ่งมีหน้าที่ผลิตน้ำเมือกหล่อลื่นและเลี้ยงอสุจิ มีขนาดโตขึ้นตามอายุขัย เพราะมันถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) ความที่ต่อมลูกหมากมันอยู่ในที่แคบ เมื่อมันโตถึงระดับหนึ่งก็จะกดทับท่อปัสสาวะทำให้มีอาการปัสสาวะลำบาก ผู้ชายอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป จะเป็นโรคนี้ 1 ใน 3 เลยทีเดียว เรียกว่าเป็นโรคยอดนิยมของชายสูงอายุก็ว่าได้

ทั้งนี้โรคต่อมลูกหมากโต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี หรือปล่อยปะละเลย อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น เกิดปัสสาวะไม่ออกทันที หรือค่อยเป็นค่อยไป ต่อมลูกหมากบวมปัสสาวะเป็นเลือด กระเพาะปัสสาวะครากหรือมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รวมไปถึงการทำงานของไตเสื่อมลง และไตวายได้



ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

การตรวจและวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโตนั้นทำได้ดังนี้

แพทย์อาจจะให้ผู้ป่วยทำแบบสอบถามอาการด้านปัสสาวะของตัวเอง เพื่อประมาณความรุนแรงและใช้ในการติดตามอาการหลังจากรักษา และการตรวจอื่นๆ ดังนี้

  • ตรวจสอบร่างกายและซักประวัติคนไข้โดยละเอียด
  • การตรวจต่อมลูกหมากทางท่อทวารหนัก “ดีอาร์อี” (Digital Rectal Examination) เพื่อดูลักษณะผิดปกติและความแน่นของเนื้อต่อมลูกหมาก
  • ทำการทดสอบเพื่อวัดอัตราการไหลของปัสสาวะ
  • ตรวจเพาะเชื้อจากปัสสาวะ
  • วัดปริมาณปัสสาวะที่เก็บอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
  • อัลตราซาวด์ขนาดต่อมลูกหมากที่เปลี่ยนแปลง
  • เจาะ PSA เพื่อแยกโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

โรคต่อมลูกหมากโตรักษาได้อย่างไร?

การรักษาจะมุ่งเน้นที่จะให้อาการขับถ่ายปัสสาวะของผู้ป่วยดีขึ้น โดยมีวิธีการรักษาแบ่งเป็น 3 วิธี ดังนี้

  1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในรายที่มีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ลดการดื่มน้ำลงในช่วงเวลากลางคืน ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ ถ้าอาการดีขึ้นไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่หากปรับพฤติกรรมแล้วอาการไม่ดีขึ้นต้องรักษาด้วยยาต่อไป
  2. การรักษาด้วยยา แพทย์อาจจะสั่งยาบางชนิดให้ เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อเรียบในต่อมลูกหมากให้มีลักษณะอ่อนตัวลง (Alpha-Blockers) หรือบางครั้งอาจใช้ Proscar (Finasteride) ซึ่งจะช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมากให้มีขนาดเล็กลง แต่ถ้าในรายที่มีอาการปัสสาวะลำบากมากขึ้น จนมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวัน หรือในรายที่เป็นมากๆ แต่อยู่ในระหว่างรอการผ่าตัด แพทย์จะให้การรักษาด้วยยาตามความเหมาะสมแต่ละอาการของแต่ละบุคคล
  3. การรักษาด้วยการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง เพื่อขูดตัดเอาชิ้นเนื้อส่วนที่เกินออกมาจากต่อมลูกหมาก (Transurethral Resection of the Prostate-TURP) เป็นการผ่าตัดที่นำเอาบางส่วนของต่อมลูกหมากที่ขวางท่อทางเดินปัสสาวะออกมา โดยใช้กล้องส่องผ่านท่อปัสสาวะจากแพทย์จะใช้วิธีตัดหรือขูดต่อมลูกหมากออกเป็นชิ้นเล็กๆ ด้วยเครื่องมือแบบขดลวดสำหรับตัดและจี้ด้วยไฟฟ้าที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อตัดและหยุดเลือดออกไปได้พร้อมกัน
สำหรับผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจร่างกายทุกๆ ปี ถ้าเป็นไปได้ เพื่อหาความเสี่ยงของโรคนี้และโรคอื่นๆ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติในระบบขับถ่ายปัสสาวะดังกล่าว ก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง




ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย





Share :

แพ็กเกจ/โปรโมชั่น

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย