“การคลอดลูก” เตรียมพร้อมกับช่วงเวลาสำคัญของว่าที่คนเป็นแม่
ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพสตรี
บทความโดย : พญ. สังวาลย์ เตชะพงศธร

เพราะการคลอดลูก เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ตั้งครรภ์ ใคร ๆ ก็หวังให้ลูกน้อยเกิดมามีสุขภาพแข็งแรง และคนเป็นแม่ผ่านกระบวนการคลอดบุตรไปได้อย่างปลอดภัย โรงพยาบาลนครธน เล็งเห็นความสำคัญของการให้กำเนิดชีวิตใหม่ พร้อมที่จะดูแลคุณแม่และลูกน้อย ให้ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัยที่สุด โดยมีทีมสูตินรีแพทย์ กุมารแพทย์ และทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางคอยให้การดูแล ต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวกับแพ็กเกจคลอด พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย
สารบัญ
- การคลอดลูก คืออะไร?
- ประเภทของการคลอดลูก
- สัญญาณเตือนใกล้คลอดลูกที่คุณแม่ควรรู้
- ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคลอดลูก
- ขั้นตอนการเตรียมคลอดลูก
- ขั้นตอนการคลอดลูกแบบธรรมชาติ
- การปฏิบัติตัวหลังคลอดลูก
- คลอดลูกแบบธรรมชาติกับการผ่าคลอดแบบไหนดีกว่ากัน?
- ทำไมถึงเลือกคลอดลูกที่โรงพยาบาลนครธน?
- คลอดลูกที่นครธน พร้อมดูแลคุณแม่ครบวงจร
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การคลอดลูก คืออะไร?


การคลอดลูก คือ กระบวนการธรรมชาติที่ร่างกายของสตรีตั้งครรภ์เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ทารกที่เจริญเติบโตอยู่ในครรภ์ออกมาสู่โลกภายนอก โดยปกติจะเกิดขึ้นเมื่อครบกำหนดตั้งครรภ์ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 36-42 สัปดาห์ กระบวนการนี้ประกอบด้วยหลายระยะ ตั้งแต่การบีบรัดของมดลูกเพื่อให้ปากมดลูกเปิดออก และช่วยให้ทารกเคลื่อนตัวผ่านช่องคลอด
ประเภทของการคลอดลูก
- การคลอดลูกปกติ หรือ การคลอดลูกแบบธรรมชาติ เป็นกระบวนการที่คุณแม่เบ่งคลอดลูกออกมาทางช่องคลอดเอง โดยเมื่อถึงกำหนดคลอด ปากมดลูกจะค่อย ๆ เปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จาก 1 เซนติเมตร จนกระทั่งเปิดออกหมด (ประมาณ 10 เซนติเมตร) เมื่อปากมดลูกเปิดเต็มที่ ศีรษะของทารกจะเคลื่อนต่ำลงมา จนคุณแม่สามารถมองเห็นศีรษะลูกผลุบโผล่ที่บริเวณช่องคลอดได้ ในช่วงเวลานี้ คุณแม่จะมีแรงเบ่งเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
- การผ่าตัดคลอดลูก หรือที่เรียกว่า Cesarean Section (C-Section) คือ การผ่าตัดคลอดลูกที่แพทย์จะเปิดแผลบริเวณหน้าท้องและมดลูก เพื่อนำทารกออกมาโดยตรง วิธีนี้จะถูกเลือกใช้เมื่อคุณแม่ไม่สามารถคลอดธรรมชาติทางช่องคลอดได้ หรือเมื่อการคลอดธรรมชาติอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของทั้งแม่และทารก เช่น เชิงกรานแคบ ทารกอยู่ในท่าที่ผิดปกติ หัวใจทารกเต้นผิดปกติ ครรภ์แฝด ครรภ์เป็นพิษ รกเกาะต่ำ สายสะดือสั้นเกินไป และความไม่พร้อมทางด้านร่างกายทางด้านสุขภาพของคุณแม่ หรือแม้แต่การคลอดในภาวะฉุกเฉิน แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดคลอด
สัญญาณเตือนใกล้คลอดลูกที่คุณแม่ควรรู้


เมื่อเข้าใกล้กำหนดคลอด ร่างกายของคุณแม่จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนให้รู้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตและแยกแยะให้ออกว่าเป็นอาการเจ็บท้องเตือน หรือเจ็บท้องจริง เพราะอาการจะคลอดลูกของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป บางคนอาจมีน้ำเดินนำมาก่อนแล้วจึงมีอาการเจ็บท้องตามมาไม่นาน สัญญาณสำคัญที่ควรสังเกตมีดังนี้
- มีมูกเลือดออกทางช่องคลอด โดยปกติแล้วปากมดลูกของคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีมูกข้น ๆ คอยปิดกั้นเพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอม เมื่อใกล้คลอดปากมดลูกเริ่มเปิดและขยายออก เส้นเลือดเล็ก ๆ บริเวณปากมดลูกอาจแตก ทำให้มีมูกปนเลือดหรือที่เรียกว่า "มูกเลือด" ไหลออกมา
- ถุงน้ำคร่ำแตก หรือ "น้ำเดิน" นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามดลูกกำลังเริ่มบีบตัวเพื่อดันศีรษะทารกลงสู่อุ้งเชิงกราน คุณแม่จะสังเกตเห็นน้ำใส ๆ คล้ายน้ำปัสสาวะ ไม่มีกลิ่น ไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งอาจไหลพรวดเดียวออกมามาก หรือค่อย ๆ ซึมออกมาก็ได้ หากมีอาการน้ำเดิน คุณแม่มีโอกาสสูงถึง 80% ที่จะคลอดภายใน 12 ชั่วโมง ดังนั้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- เจ็บท้องคลอดจริง สัญญาณนี้จะแตกต่างจากการเจ็บท้องเตือนอย่างชัดเจน โดยคุณแม่จะรู้สึก เจ็บท้องรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ เป็นอาการปวดที่ต่อเนื่อง นานขึ้นและถี่ขึ้น จนกว่ากระบวนการคลอดจะสิ้นสุดลง โดยมักจะเริ่มต้นที่ส่วนบนของมดลูกแล้วร้าวลงไปข้างล่าง ท้องจะแข็งตึง และอาการปวดจะมากขึ้นเมื่อคุณแม่เดินหรือเคลื่อนไหว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีมูกปนเลือดออกมาทางช่องคลอดมากขึ้นร่วมด้วย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคลอดลูก
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการคลอดลูกมีหลายประการ โดยแต่ละปัจจัยมีผลต่อระยะเวลาการตั้งครรภ์ วิธีการคลอด และสุขภาพของแม่กับลูก ดังนี้
- อายุ คุณแม่ที่อายุน้อยกว่า 15 ปี หรือมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มักมีความเสี่ยงสูงกว่าในการตั้งครรภ์และคลอดบุตร อาจมีภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย
- โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไทรอยด์ หรือการติดเชื้อต่าง ๆ (เช่น HIV, ซิฟิลิส) สามารถส่งผลต่อการตั้งครรภ์และกระบวนการคลอดได้
- ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด น้ำคร่ำน้อยหรือมากเกินไป ครรภ์แฝด
- โครงสร้างทางกายภาพ ขนาดเชิงกรานของคุณแม่มีผลโดยตรงต่อการคลอดธรรมชาติ หากเชิงกรานแคบหรือรูปร่างเล็ก อาจทำให้คลอดยากหรือต้องผ่าตัดคลอด
- ประวัติการคลอดที่ผ่านมา หากเคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนด คลอดทารกน้ำหนักน้อย หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากการคลอดครั้งก่อน อาจมีความเสี่ยงในครรภ์ปัจจุบัน
- ความเครียดและอารมณ์ ความเครียด ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคลอด หรือภาวะซึมเศร้า สามารถส่งผลต่อกระบวนการคลอดได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
- พฤติกรรมสุขภาพ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้สารเสพติดระหว่างตั้งครรภ์เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และทารก ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและคลอดก่อนกำหนดได้
- ขนาดและน้ำหนักของทารก หากทารกมีขนาดใหญ่หรือน้ำหนักตัวมากเกินไป อาจทำให้คลอดลำบาก
- ท่าของทารก ท่าของทารกในครรภ์ที่ผิดปกติ เช่น ท่าก้น ท่าขวาง (ศีรษะไม่หันลง) อาจเป็นเหตุให้ต้องผ่าตัดคลอด
- ภาวะสุขภาพของทารก ทารกที่มีภาวะผิดปกติแต่กำเนิด สายสะดือพันคอ หรือมีภาวะขาดออกซิเจน อาจส่งผลต่อการคลอดและต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ
ขั้นตอนการเตรียมคลอดลูก
เมื่อถึงกำหนดคลอด หรือหากมีอาการเข้าสู่ระยะคลอด หรือแน่ใจแล้วว่าเป็นอาการเจ็บท้องคลอด คือ เจ็บท้องทุก 5 นาทีติดต่อกัน 1 ชั่วโมง เจ็บอย่างต่อเนื่องไม่หาย หรือเจ็บพร้อมกับมีอาการ อาทิ น้ำเดินซึ่งมีน้ำใส ๆ คล้ายน้ำปัสสาวะไหลออกมาทางช่องคลอดในปริมาณมาก หรือมีมูกเลือดออกจากช่องคลอด ให้คุณแม่รีบมาโรงพยาบาลได้เลย เพื่อเตรียมตัวในการคลอดต่อไป รวมไปถึง
- กรุณาเตรียมเอกสารแจ้งเกิด คือ บัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของคุณพ่อคุณแม่ ทะเบียนสมรส(ถ้ามี) ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการแจ้งเกิดขณะที่ท่านพักอยู่ในโรงพยาบาล
- ในวันคลอดคุณพ่อสามารถเข้าห้องผ่าตัด หรือห้องคลอดได้ แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด และงดการบันทึกภาพและเสียงขณะอยู่ในห้องผ่าตัด
ขั้นตอนการคลอดลูกแบบธรรมชาติ


การคลอดธรรมชาติ หรือการคลอดลูกทางช่องคลอด เป็นกระบวนการที่ร่างกายของคุณแม่จะค่อย ๆ เตรียมพร้อมและเปิดทางให้ทารกเคลื่อนตัวออกจากมดลูกผ่านช่องคลอดออกมาสู่โลกภายนอก โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ๆ ดังนี้
- ระยะปากมดลูกเปิด เป็นช่วงที่มดลูกเริ่มหดรัดตัว ปากมดลูกจะค่อย ๆ เปิดขยายและบางลงเรื่อย ๆ เพื่อเตรียมพร้อมให้ทารกเคลื่อนผ่านได้ จาก 0 ไปจนถึง 10 เซนติเมตร ระยะนี้จะเริ่มตั้งแต่มีการเจ็บครรภ์จริง และจะสิ้นสุดลงเมื่อปากมดลูกเปิดขยายเต็มที่ 10 เซนติเมตร ถือเป็นระยะที่ยาวนานที่สุดของการคลอด ครรภ์แรกใช้เวลาประมาณ 10-14 ชม. ครรภ์หลังใช้เวลาประมาณ 7-9 ชม.
- ระยะเบ่งคลอด เมื่อปากมดลูกเปิดเต็มที่ หรือ เปิดขยายเต็มที่ 10 เซนติเมตร คุณแม่จะเริ่มรู้สึกอยากเบ่งคลอดอย่างรุนแรง และใช้แรงเบ่งร่วมกับการหดรัดตัวของมดลูก เพื่อดันให้ทารกเคลื่อนตัวผ่านช่องคลอดออกมาสู่ภายนอก ครรภ์แรกใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ครรภ์หลังใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น แรงเบ่งของคุณแม่ ขนาดของทารก และท่าของทารก
- ระยะคลอดรก เป็นระยะสุดท้ายของการคลอด หลังจากทารกคลอดออกมาแล้ว มดลูกจะหดรัดตัวอีกครั้งเพื่อขับรกออกมาทั้งผืน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการคลอดที่สมบูรณ์ บุคลากรทางการแพทย์จะตรวจดูว่ารกคลอดออกมาครบถ้วนหรือไม่ เพื่อป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 5-30 นาที
การปฏิบัติตัวหลังคลอดลูก
- การรักษาความสะอาดของร่างกาย ถ้าเป็นการคลอดลูกธรรมชาติ คุณแม่หลังคลอดจะอาบน้ำสระผมได้ตามปกติ และระหว่างคลอด คุณแม่อาจจะใช้พลังงานในการเบ่งคลอดไปมาก ทำให้ร่างกายมีเหงื่อไหลออกมาจำนวนมาก อาจเกิดการหมักหมมได้ ถ้าคุณแม่คลอดโดยการผ่าตัดระยะแรกยังอาบน้ำไม่ได้เพราะจะทำให้แผลผ่าตัดเปียกอาจติดเชื้อเกิดการอักเสบได้ ต้องใช้วิธีเช็ดตัวประมาณ 7 วัน หลังจากแพทย์ตัดไหมแล้วสัก 12 วันก็อาบน้ำได้ตามปกติ หลังอาบน้ำ ใช้ผ้าสะอาดเช็ดแผลไม่ต้องทำแผลใด ๆทั้งสิ้น สะเก็ดที่ติดอยู่ไม่ควรแกะออกปล่อยให้หลุดเอง
- อาหาร คุณแม่ต้องการพลังงานและสารอาหารมากกว่าปกติ ควรเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และควรเป็นอาหารย่อยง่าย รสไม่จัด มีกากมาก หลีกเลี่ยงอาหาร จำพวกแป้ง น้ำตาล น้ำอัดลม ของมักดองต่าง ๆ
- การพักผ่อน ควรได้รับการพักผ่อนภายหลังคลอดอย่างเต็มที่ คุณแม่ที่เลี้ยงลูกเหน็ดเหนื่อยและรู้สึกว่านอนไม่พอให้หาโอกาสพักผ่อนในช่วงที่ลูกหลับ และคุณแม่ควรกลับเข้าสู่กิจวัตรประจำวันที่เคยเป็นมาก่อนการตั้งครรภ์ให้เร็วที่สุดภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
- ยอมรับในบทบาท สิ่งสำคัญ คือ การเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับบทบาทหน้าที่ของความเป็นพ่อและแม่ของลูก ยอมรับความเป็นคนหนึ่งของลูก ที่มีความรู้สึกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ต้องใจเย็น อดทน มีความมั่นคงทางอารมณ์มีสติในการแก้ไขปัญหาทั้งพ่อและแม่จัดแบ่งเวลา และตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงดูลูก อย่างเต็มที่โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรก
- การร่วมเพศ โดยทั่วไประยะแรก ๆ หลังคลอดความรู้สึกทางเพศของมารดาจะลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นผลกระทบจากการคลอด ความเหน็ดเหนื่อยจากการดูแลบุตร ความเครียดทางจิตใจ ในการปรับบทบาทของชีวิต ดังนั้นจึงกำหนดระยะเวลาที่จะเริ่มการร่วมเพศในระยะหลังคลอดโดยแน่นอนไม่ได้ควรขึ้นกับความพร้อมของคุณแม่มากกว่า แต่อย่างน้อยควรเริ่มเมื่อไม่เจ็บแผลฝีเย็บ และน้ำคาวปลาหมดแล้ว
คลอดลูกแบบธรรมชาติกับการผ่าคลอดแบบไหนดีกว่ากัน?
การเลือกวิธีการคลอดลูกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสุขภาพของคุณแม่และทารก ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ความต้องการส่วนบุคคล และคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแล ซึ่งในหลายกรณี แพทย์จะเป็นผู้แนะนำวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด มาดูข้อดีและข้อเสียของการคลอดทั้งสองแบบกัน ดังนี้
การคลอดลูกแบบธรรมชาติ- ข้อดี เหมาะสำหรับคุณแม่สุขภาพปกติ ฟื้นตัวหลังคลอดเร็ว เสียเลือดน้อย ซึ่งการคลอดธรรมชาติเจ็บไหม จะเจ็บแผลน้อย พร้อมให้นมลูกน้อยได้ทันที ไม่มีความเสี่ยงจากการเจ็บครรภ์ในครั้งต่อไป ลูกมีภูมิต้านทานดี เพราะได้รับจุลินทรีย์สุขภาพที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานตั้งต้นผ่านช่องคลอด ไม่เจ็บป่วยง่าย
- ข้อเสีย ไม่สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้ ใช้เวลาคลอดนาน กำหนดเวลาที่แน่นอนไม่ได้ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนต้องผ่าตัดคลอดฉุกเฉินได้
การผ่าคลอด
- ข้อดี เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ สะดวก มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่รู้สึกเจ็บขณะคลอด สามารถทำหมันได้เลย กำหนดเวลาคลอดที่แน่นอนได้ ในด้านของลูก ในกรณีที่อยู่ในภาวะคับขัน หรือมีข้อบ่งชี้ที่ทำให้คลอดธรรมชาติไม่ปลอดภัย การผ่าคลอดช่วยลดความเสี่ยงต่อทารกได้
- ข้อเสีย ร่างกายฟื้นตัวช้า ไม่สามารถให้นมลูกได้ทันที คุณแม่เสียเลือดมาก เจ็บแผลนานและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้ เช่น ภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยาสลบ หรือการบล็อกหลัง ด้านลูกมีภูมิต้านทานไม่ดี มีความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ โรคอ้วน โรคเบาหวาน เพิ่มขึ้นอีกด้ว
ทำไมถึงเลือกคลอดลูกที่โรงพยาบาลนครธน?


การเลือกสถานที่คลอดลูกเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โรงพยาบาลนครธนเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยม โดยมีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้คุณแม่หลายท่านตัดสินใจเลือกคลอดที่นี่
- มีแพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายทั้งแบบคลอดปกติและผ่าคลอด ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าห้องคลอด/ผ่าตัด ค่าเครื่องมือแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการคลอด รวมถึงค่ายาและเวชภัณฑ์สำหรับมารดาและทารกตลอดเวลาที่พักในโรงพยาบาล และไม่ว่าจะเลือกวิธีการคลอดแบบใด มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับบริการที่ได้มาตรฐาน ครบครันด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย
- สิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย และบรรยากาศอบอุ่น โดยมีห้องพักมีให้เลือกหลากหลายระดับ ตั้งแต่ Superior (32 ตร.ม.) – President Suite (60 ตร.ม.) พร้อมอุปกรณ์ครบ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ และ Wi‑Fi
- บริการสำหรับทารกแรกเกิด มีการตรวจคัดกรองสำคัญสำหรับทารก เช่น ภาวะพร่องไทรอยด์ หมู่เลือด วัคซีน (วัณโรค, ไวรัสตับอักเสบบีเข็มแรก) วิตามิน K ตรวจคัดกรองโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรง และการตรวจคัดกรองการได้ยิน (OAE)
- ทีมแพทย์และพยาบาลที่มีประสบการณ์ วิสัญญีแพทย์ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด พร้อมดูแลคุณและลูกน้อยของคุณอย่างปลอดภัยที่สุด
- อำนวยความสะดวกเรื่องเอกสาร มีบริการแจ้งเกิดและจัดทำสูติบัตร
- โรงพยาบาลมีอุปกรณ์และของใช้ที่จำเป็นสำหรับแม่และลูกน้อยให้ครบครัน ทำให้คุณแม่ไม่ต้องเตรียมของไปมากนัก เช่น ชุดใส่กลับบ้านลูก ผ้าห่อตัว กิ๊ฟเซ็ทสำหรับเด็กอ่อน ขวดนม และหมอนรองให้นม เป็นต้น
- บริการหลังคลอดลูกสำหรับคุณแม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนให้คุณแม่ทุกคนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ด้วยบริการให้คำปรึกษาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ฝึกทักษะการให้นมแม่โดยคลินิกนมแม่ อีกทั้งยังมีบริการดูแลด้านความสวยความงามสำหรับคุณแม่หลังคลอด คำแนะนำเมนูอาหารสุขภาพหลังคลอดเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย เป็นต้น
คลอดลูกที่นครธน พร้อมดูแลคุณแม่ครบวงจร
การเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดบุตรนั้นสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่การดูแลสุขภาพกาย แต่ยังรวมถึงสุขภาพใจและความเข้าใจในกระบวนการทั้งหมดด้วย การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลและมีประสบการณ์การคลอดที่ราบรื่นและปลอดภัยที่สุด ที่ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลนครธน เราเข้าใจถึงความต้องการของคุณแม่ทุกคน และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลช่วงเวลาสำคัญนี้ ด้วยบริการที่ครบครันและทีมงานมืออาชีพ
เรามีทีมสูตินรีแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดูแลคุณแม่ตั้งแต่ฝากครรภ์ไปจนถึงการคลอด ห้องคลอดที่ได้มาตรฐาน ห้องพักฟื้นที่สะดวกสบาย บริการให้คำปรึกษาตลอดการตั้งครรภ์และการเตรียมตัวคลอด ไปจนถึงการดูแลหลังคลอด ไม่ว่าจะเป็นการคลอดธรรมชาติ หรือการผ่าคลอด ทีมแพทย์จะให้คำแนะนำและพิจารณาวิธีการคลอดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
นอกจากนี้เรายังคงดูแลคุณแม่และทารกอย่างใกล้ชิดหลังการคลอด โดยเรามุ่งมั่นที่จะทำให้การคลอดลูกของคุณแม่เป็นประสบการณ์ที่ปลอดภัย อบอุ่น และน่าประทับใจที่สุด หากคุณกำลังมองหาการดูแลครบวงจรสำหรับการตั้งครรภ์และการคลอด ลองปรึกษาศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลนครธน เพื่อวางแผนการคลอดที่เหมาะสมสำหรับคุณและลูกน้อย
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สุขภาพสตรี