ผ่าตัดต้อกระจก ทางเลือกเพื่อดวงตาที่สดใสอีกครั้ง

ศูนย์ : ศูนย์จักษุ

บทความโดย : พญ. วิภาวี วงษ์ไชยคณากร

ผ่าตัดต้อกระจก

หากคุณกำลังเผชิญกับภาวะต้อกระจกที่ทำให้การมองเห็นพร่ามัว สีซีดจาง หรือมองเห็นไม่ชัดในที่แสงน้อย อย่าปล่อยให้ปัญหานี้บั่นทอนคุณภาพชีวิตของคุณ การผ่าตัดต้อกระจกไม่ได้เป็นเพียงการรักษา แต่เป็นการทำให้ดวงตาของคุณกลับมาสดใสอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญด้านการผ่าตัดต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อกระจก และใส่เลนส์ตาเทียม ทำให้ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลนครธน มีความพร้อมในการดูแลสุขภาพดวงตาของคุณได้อย่างครอบคลุม

บทความนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับการผ่าตัดต้อกระจก ที่มอบการมองเห็นที่คมชัด คืนอิสระในการใช้ชีวิต ให้คุณได้เพลิดเพลินกับทุกกิจกรรมที่คุณรักได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถ อ่านหนังสือ เล่นกีฬา หรือแม้แต่การมองหน้าคนที่คุณรักได้อย่างชัดเจน


ภาวะต้อกระจก คืออะไร?


ต้อกระจก ต้อกระจก

ต้อกระจก เป็นภาวะเลนส์ตาขุ่นทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาได้ตามปกติ โดยระดับความมัวอาจกระทบต่อการมองเห็นภาพต่าง ๆ จนบางครั้งอาจเห็นเป็นภาพซ้อนได้ การมองเห็นภาพมีลักษณะคล้ายเป็นหมอกหรือควันขาว ๆ และโดยส่วนใหญ่ 95% ขึ้นไป มักมาจากความเสื่อมสภาพของเลนส์ตาตามอายุที่มากขึ้น บางรายเริ่มเป็นเมื่ออายุเข้า 50 ปี บางรายเริ่มที่อายุ 60-70 ปี และในบางรายโรคต้อกระจกสามารถเกิดได้เร็วกว่าอายุปกติ เช่น ในกรณีที่เป็นโรคเบาหวาน หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ เป็นต้น

อาจมีคนกังวลและสงสัยว่าโรคต้อกระจก อันตรายไหม คำตอบคือไม่อันตราย แต่อาจรบกวนการใช้ชีวิตจนทำให้เกิดอันตรายจากภายนอกได้ รวมถึงหากปล่อยทิ้งไว้อาจเสี่ยงตาบอดได้อีกด้วย ถึงแม้ไม่มียารักษาให้เลนส์ตากลับมาใสเหมือนเดิม แต่สามารถรักษาต้อกระจกให้หายเป็นปกติได้ ด้วยการผ่าต้อกระจกนำเลนส์แก้วตาที่ขุ่นมัวออก แล้วใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปทดแทน โดยจะเป็นกระบวนการสลายต้อด้วยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงอัลตราซาวนด์ (Phacoemulsification) นั่นเอง

> กลับสารบัญ


ทำไมถึงต้องผ่าตัดต้อกระจก

ต้อกระจกทำให้เลนส์ตาขุ่น มองเห็นไม่ชัด แสงจ้า ภาพมัว ใช้ชีวิตลำบาก แว่นตาไม่ช่วยให้ดีขึ้น และหากปล่อยไว้อาจเสี่ยงตาบอดถาวร การผ่าตัดตาต้อกระจกคือวิธีรักษาที่ได้ผลและปลอดภัยที่สุด เพื่อคืนการมองเห็นและคุณภาพชีวิตให้กลับมาเหมือนเดิม

> กลับสารบัญ


การตรวจประเมินก่อนผ่าตัดต้อกระจก

ก่อนเข้ารับการผ่าตัดต้อกระจก ผู้ป่วยจะต้องรับการตรวจสุขภาพร่างกาย และสุขภาพตาทั้งหมดอย่างละเอียด ดังนี้

  • จักษุแพทย์จะซักประวัติเกี่ยวกับโรคทางร่างกาย และการใช้ยารักษาโรคประจำตัวอื่น ๆ หรือยาที่ใช้ประจำ เนื่องจากยาบางประเภทควรหยุดก่อนการผ่าตัด เช่น ยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด
  • ตรวจตาอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีโรคตาอื่นที่เกี่ยวข้อง และอาจมีผลต่อการลอกตาต้อกระจกหรือไม่ ดูว่าจอประสาทตาเสื่อมไหม ตรวจภาวะจอประสาทตาลอก วัดความโค้งและความหนากระจกตา เพื่อตรวจว่ามีโรคหรือความผิดปกติของกระจกตาที่จะเป็นข้อห้ามในการรักษาหรือไม่ เป็นต้น
  • วัดขนาดเลนส์ตาเทียมที่จะใส่ เพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องที่สุดไปคำนวณ และเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับดวงตาของผู้ป่วยมากที่สุด นอกจากนี้แพทย์จะให้ข้อมูลเรื่องเลนส์ตาเทียมที่เหมาะสมกับผู้ป่วย โดยเลนส์ตาเทียมนี้ ไม่เพียงแค่ทำให้ผู้ป่วยกลับมามองได้ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังสามารถเลือกเลนส์แก้ไขค่าสายตาได้อีกด้วย

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

เลนส์ตาเทียมคืออะไร มีกี่ชนิด


เลนส์ตาเทียม เลนส์ตาเทียม

เลนส์ตาเทียม คือ วัสดุที่ฝังเข้าไปในลูกตาแทนที่เลนส์ธรรมชาติที่ขุ่นเพื่อให้การมองเห็นเป็นปกติ มีลักษณะใส เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-6 มิลลิเมตร ซึ่งจะถูกนำไปใส่ไว้ในดวงตาหลังการผ่าตัดต้อกระจก และจะคงอยู่ในดวงตาอย่างถาวร ปัจจุบันเลนส์สำหรับใส่ในการผ่าตัดด้วยการสลายต้อนั้น จะเป็นเลนส์ตาเทียมชนิดที่พับได้ โดยใส่ผ่านแผลเล็ก ๆ ที่กระจกตาหลังสลายต้อกระจกแล้ว เลนส์ตาเทียม มีหลายชนิด ซึ่งโดยหลัก ๆ มี 3 ชนิด ได้แก่

1. เลนส์ตาเทียมชนิดชัดระยะเดียว (Monofocal Lens) เป็นเลนส์ตาเทียมชนิดมาตรฐานที่นิยมใช้กันทั่วไป เป็นเลนส์ที่มีจุดโฟกัสเพียงจุดเดียว มักเลือกให้มองชัดในระยะไกลด้วยตาเปล่า เช่น การมองป้ายข้อความ การขับรถ การเล่นกีฬา เป็นต้น หากทำกิจกรรมประจำวันที่อยู่ใกล้ เช่น อ่านหนังสือ การใช้โทรศัพท์มือถือ หรือทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ อาจต้องใส่แว่นช่วยหลังผ่าตัด

2. เลนส์ตาเทียมแบบชัดหลายระยะ (Multifocal Lens) เป็นเลนส์ตาเทียมชนิดที่มีหลายโฟกัส ทำให้สามารถใช้งานได้หลายระยะด้วยตาเปล่า ไม่ว่าจะเป็นในระยะไกล ระยะกลาง (1 เมตร ถึง 1 เมตรครึ่ง) และระยะใกล้ ( 30-40 ซม.) ลดการพึ่งพาแว่นในการมองระยะต่าง ๆ ได้ โดยแบ่งได้ 3 แบบดังนี้

  • แบบ 2 โฟกัส คือ ดูระยะไกล และดูระยะใกล้ (Bifocal) ระยะกลางจะไม่ค่อยชัด
  • แบบ 2 โฟกัส คือ ดูระยะไกล และดูระยะกลาง (Bifocal) ระยะใกล้จะไม่ค่อยชัด
  • แบบ 3 โฟกัส คือ ดูระยะไกล ระยะกลาง และระยะใกล้ (Trifocal) สามารถใช้งานได้ทั้งระยะไกล ระยะกลาง และระยะใกล้

3. เลนส์ตาเทียมชนิดแก้ไขสายตาเอียง (Toric Lens) เป็นเลนส์ตาเทียมที่สามารถแก้ค่าสายตาเอียงในตัว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นตาแก้สายตาเอียงหลังผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีสายตาเอียงอยู่เดิม โดยสามารถแก้ไขค่าสายตาเอียงได้ประมาณ 100-200 D.

> กลับสารบัญ


การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดต้อกระจก

การผ่าตัดต้อกระจกใช้เวลาในการผ่าตัดน้อยเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และไม่ต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาล โดยการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดมีดังนี้

  • ควรสระผมและล้างหน้าก่อนมาถึงโรงพยาบาล ไม่ใส่น้ำมันใส่ผม
  • สุภาพสตรีงดแต่งหน้า ถ้าทาเล็บให้ล้างเล็บออก ไม่ควรนำเครื่องประดับและทรัพย์สินมีค่าใด ๆ มาด้วย สวมเสื้อแบบสบายถอดใส่ง่าย เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนเสื้อภายหลังการผ่าตัด ซึ่งมีการปิดฝาครอบตา
  • ต้องงดยาก่อนผ่าตัด 1 สัปดาห์ ได้แก่ ยาละลายเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน หรือ ยาหดม่านตาพิโลคาร์ฟีน เป็นต้น
  • วันผ่าตัดหากมีความผิดปกติกับดวงตา เช่น อาการตาแดง ตากุ้งยิง ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อน
  • มื้ออาหารก่อนผ่าตัด ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม นม เป็นต้น เพราะถ้าทานอาหารที่ย่อยยาก หรือทานอิ่มเกินไปจะทำให้รู้สึกอึดอัดขณะทำผ่าตัด
  • ในวันผ่าตัดห้ามผู้ป่วยขับรถเอง เพราะหลังการผ่าตัดจะต้องปิดตา และปิดฝาครอบตา ควรพาเพื่อนหรือครอบครัวมาด้วย

> กลับสารบัญ


วิธีการผ่าตัดต้อกระจก


วิธีการผ่าตัดต้อกระจก วิธีการผ่าตัดต้อกระจก

การผ่าตัดต้อกระจกจะมีอยู่ 2 วิธีหลัก ๆ ดังนี้

1. การผ่าตัดต้อกระจกโดยการสลายต้อ ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงหรืออัลตราซาวนด์ วิธีนี้จะเป็นวิธีการรักษาต้อกระจกโดยการนำคลื่นเสียงความถี่สูงหรืออัลตราซาวนด์ (Phacoemulsification) ไปสลายต้อกระจกให้มีขนาดเล็กลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วดูดออก ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เฉพาะการหยอดยาชาที่ตาหรือฉีดยาชาเฉพาะที่เท่านั้น เป็นการผ่าตัดด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย จึงมีความปลอดภัยสูง และไม่ต้องรอจนต้อสุกแบบวิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเดิม โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • จักษุแพทย์จะเปิดช่องเล็ก ๆ ที่ขอบตาดำประมาณ 2.4 - 3 มิลลิเมตร จากนั้นสอดเครื่องมือสลายต้อเข้าไปที่ตัวต้อกระจก โดยเปิดถุงหุ้มเลนส์เป็นวงกลม และปล่อยพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงหรืออัลตราซาวนด์เข้าไปสลายต้อกระจกจนหมด
  • จักษุแพทย์จะใส่เลนส์ตาเทียมที่ทำการเลือกให้เหมาะสมกับดวงตาของผู้ป่วยไว้แล้ว เข้าไปแทนในถุงหุ้มเลนส์เดิม
  • แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก จึงไม่ต้องเย็บแผล เจ็บน้อย ใช้เวลาในการผ่าตัดเพียง 1 ชั่วโมง สายตาจะใช้งานได้เร็วภายในในวันรุ่งขึ้น โอกาสติดเชื้อมีน้อยมาก และไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล

2. วิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง เป็นการผ่าตัดแบบวิธีดั้งเดิมที่ใช้ในกรณีต้อกระจกสุก และแข็งตัวมาก จนไม่เหมาะ หรือไม่สามารถใช้การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงหรืออัลตราซาวนด์ได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • จักษุแพทย์จะเปิดแผลตามแนวรอยต่อระหว่างกระจกตาดำ และผนังตาขาวบริเวณครึ่งบนของลูกตายาวประมาณ 10 มิลลิเมตร เพื่อเอาตัวเลนส์ตาที่เป็นต้อกระจกออก เหลือเพียงเปลือกหุ้มเลนส์ด้านหลังไว้เป็นถุง
  • ทำการใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ในถุงหุ้มเลนส์นี้ หลังจากนั้นจึงเย็บปิดแผล ซึ่งการผ่าตัดวิธีนี้เลนส์ตาเทียมที่ใช้จะเป็นแบบชัดระยะเดียว เพื่อการมองไกล และมีอายุการใช้งานได้นานตลอดชีวิต

> กลับสารบัญ


หลังผ่าตัดต้อกระจก พักฟื้นกี่วัน

หลังผ่าตัดต้อกระจกเสร็จเรียบร้อย ผู้ป่วยจะพักในห้องพักฟื้นประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงกลับบ้านได้ โดยต้องดูแลตัวเองตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้

  • ระมัดระวังเรื่องของการติดเชื้อ โดยผู้ป่วยควรปิดตาไว้ก่อน 1 วัน
  • หลีกเลี่ยงการล้างหน้าไม่ให้น้ำเข้าตาหลังผ่าต้อกระจก 1 เดือน
  • ระมัดระวังไม่ให้ไอ จาม หรือเบ่งแรง ๆ เพราะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนกับแผลผ่าตัด รวมถึงหมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสโดนตา
  • การป้องกันเชื้อโรคเข้าดวงตา อาจใช้น้ำเกลือและสำลีเช็ดตาแทนการล้างหน้า
  • ควรสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งเมื่อออกไปในที่แสงจ้า
  • ตรวจตาตามนัดของจักษุแพทย์ทุกครั้งจนกว่าแผลจะหายดีและปลอดภัยแล้ว

> กลับสารบัญ


ผลข้างเคียงที่อาจพบหลังผ่าตัดต้อกระจก

การผ่าต้อกระจก เป็นการผ่าตัดที่มีความปลอดภัยสูง และมีผลข้างเคียงน้อย โดยอาการผิดปกติหลังผ่าตัดต้อกระจก หรือผลแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นได้แก่ การมีเลือดออกในลูกตา หรือเบ้าตาจากการฉีดยาชา กระจกตาขุ่นมัวจากเซลล์กระจกตาไม่แข็งแรง และการติดเชื้อซึ่งพบได้น้อย แต่อันตราย หากทำการหยอดยาและดูแลความสะอาดตาอย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ลงได้มาก

นอกจากนี้ยังอาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ หลังผ่าตัด เช่น จอประสาทตาหลุดลอก ปวดตา การเลื่อนหลุดของเลนส์แก้วตาเทียม รวมทั้งมีภาวะจุดรับภาพบวมหลังผ่าตัด สามารถเกิดได้บ้างหลังผ่าตัดในระยะเกิน 1 - 2 สัปดาห์ไปแล้ว โดยจะมีอาการตามัวลงหรือเห็นภาพเบี้ยว แต่สามารถรักษาและกลับมาหายเป็นปกติได้

> กลับสารบัญ


ผ่าตัดต้อกระจกที่ไหนดี?


ผ่าตัดต้อกระจกที่ไหนดี ผ่าตัดต้อกระจกที่ไหนดี

การผ่าตัดต้อกระจกต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยและฝีมือของจักษุแพทย์ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด แม้ว่าเทคโนโลยีขั้นสูงมักจะมาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด หากคุณกำลังตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลสำหรับผ่าตัดต้อกระจก ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้

  • ประสบการณ์ของจักษุแพทย์ ควรเลือกจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์โดยตรงในการผ่าตัดต้อกระจก เพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • เทคโนโลยีการผ่าตัด โรงพยาบาลที่มีเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัย แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น แต่ก็ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยในการผ่าตัด
  • บริการหลังการผ่าตัด การดูแลหลังการผ่าตัดมีความสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนการผ่าตัด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม

การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกโรงพยาบาลที่เหมาะสม และมั่นใจในการผ่าตัดต้อกระจกได้ดียิ่งขึ้น โดยที่ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลนครธน มีพร้อมทั้งจักษุแพทย์ เทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัย ห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐาน การดูแลและให้คำแนะนำหลังการผ่าตัด เพื่อการมองเห็นที่ดีดังเดิม

> กลับสารบัญ


ผ่าตัดต้อกระจก ฟื้นฟูการมองเห็น กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

การผ่าตัดต้อกระจกเป็นวิธีรักษาที่สำคัญและมีประสิทธิภาพที่สุดในการฟื้นฟูการมองเห็น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเลนส์ตาขุ่นมัว ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การผ่าตัดจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามองเห็นโลกได้อย่างชัดเจนและสดใสอีกครั้ง นอกจากนี้หลังการผ่าตัดควรใส่ใจดูแลและถนอมสายตาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาผลลัพธ์ของการรักษา และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจและเต็มที่ในทุกกิจกรรม

หากคุณกำลังมองหาการรักษาต้อกระจกอย่างปลอดภัยและได้มาตรฐาน สามารถเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลนครธน ซึ่งให้บริการดูแลรักษาโรคตาอย่างครบวงจร โดยทีมจักษุแพทย์เฉพาะทางด้านต้อกระจก พร้อมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด และใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำ ปลอดภัย และฟื้นตัวไว มองเห็นชัดเจนอีกครั้งได้อย่างมั่นใจ

> กลับสารบัญ


ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:

  1. - Website : https://www.nakornthon.com
  2. - Facebook : Nakornthon Hospital
  3. - Line : @nakornthon
  4. - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย