ฟอกไต เมื่อไตหยุดทำงาน ร่างกายต้องการการบำบัดทดแทน
ศูนย์ : ศูนย์อายุรกรรม
บทความโดย : นพ. อำนวย ศิริโสภา

เมื่อไตเสื่อม การทำงานของไตจะลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งไตฝ่อ เข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ และเมื่อผู้ป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังจนถึงจุดที่ไตไม่สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้เองตามกลไกปกติ ก็ต้องเข้าสู่การบำบัดทดแทนไตด้วยวิธี ‘ฟอกไต’ หรือ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
การฟอกไตนั้นจะช่วยกรองของเสีย เกลือและน้ำส่วนเกินออกจากเลือด แล้วจึงนำเลือดที่ผ่านการกรองในเครื่องไตเทียมกลายเป็นเลือดดีกลับเข้าไปสู่ร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อได้ บทความนี้จึงจะพามาทำความรู้จักกับการฟอกไต ประเภท และเมื่อไหร่ที่ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควรได้รับการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียมกัน
สารบัญ
การฟอกไต คืออะไร?
การฟอกไต หรือ Kidney Dialysis คือ กระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้ทดแทนการทำงานของไตในผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย หรือไตไม่สามารถทำหน้าที่กำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายได้อย่างปกติ เมื่อไตทำงานผิดปกติ สารพิษ ของเสีย และน้ำส่วนเกินจะสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การฟอกไตจึงเข้ามาช่วยกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกจากเลือด เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทำไมผู้ป่วยโรคไตถึงต้องฟอกไต?


การฟอกไต (การล้างไต) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้ทดแทนการทำงานของไตที่ล้มเหลว หรือที่เรียกว่าภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (Chronic Kidney Disease - CKD) รวมถึงภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury - AKI) ที่ไตหยุดทำงานกะทันหัน สาเหตุของไตวายมีหลากหลาย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไตอักเสบเรื้อรัง การใช้ยาบางชนิด หรือภาวะที่เกิดจากพันธุกรรม ทำให้ไตทำงานผิดปกติ
เมื่อไตไม่สามารถกรองของเสียได้ ของเสียเหล่านี้จะสะสมอยู่ในเลือด ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน บวมตามตัว หายใจลำบาก และหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว โลหิตจาง หรือภาวะสมองบวม
เมื่อไหร่ถึงต้องเริ่มฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม
วิธีการฟอกไต หรือ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) จะเริ่มมีบทบาทเมื่อมีอัตราการกรองของไต (eGFR) น้อยกว่าหรือเท่ากับ 6 มล./นาที/1.73 ตร.ม. โดยอาจยังตรวจไม่พบอาการแสดง หรืออาการแทรกซ้อนที่ผิดปกติ หรือเมื่อมีอัตราการกรองของไตต่ำกว่า 15 มล./นาที/1.73 ตร.ม. ร่วมกับมีภาวะแทรกซ้อนที่เกิดโดยตรงจากโรคไตเรื้อรัง ซึ่งไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบประคับประคอง หรืออย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้,/p>
- ภาวะน้ำและเกลือเกินในร่างกาย เกิดภาวะบวมน้ำรุนแรง ส่งผลให้หัวใจวาย หรือระบบการหายใจล้มเหลว
- ระดับเกลือแร่ผิดปกติ หรือมีภาวะเลือดเป็นกรดรุนแรงในภาวะไตวาย ที่ไม่สามารถประคับประคองด้วยยา
- ความรู้สึกตัวลดลง หรืออาการชักกระตุกจากของเสียคั่งในภาวะไตวาย
- เยื่อหุ้มปอดหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ จากของเสียคั่งในภาวะไตวาย
- คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง หรือมีภาวะขาดสารอาหาร จากของเสียคั่งในภาวะไตวาย
เมื่อผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเริ่มเข้าสู่ระยะที่ 4 (eGFR น้อยกว่าหรือเท่ากับ 30 มล./นาที/1.73 ตร.ม.) แพทย์จะเริ่มให้คำแนะนำให้เตรียมตัวเพื่อฟอกไต ทั้งทางเลือก วิธีรักษา รวมทั้งข้อดีข้อด้อยของการฟอกไต

ประเภทของการฟอกไต


การฟอกไต หรือการบำบัดทดแทนไต เป็นวิธีการรักษาที่ใช้ทดแทนการทำงานของไตที่บกพร่องไป แล้วการฟอกไตมีกี่แบบ? โดยหลัก ๆ แล้วสามารถแบ่งได้เป็น 2 วิธีใหญ่ ๆ คือ
1. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis - HD)
การฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ทํายังไง? สำหรับวิธีนี้จะทำโดยการนำเลือดของผู้ป่วยมาavdผ่านเครื่องไตเทียม ซึ่งประกอบด้วยตัวกรองที่ทำหน้าที่คล้ายไตเทียม เพื่อกรองของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากเลือด จากนั้นเลือดที่กรองแล้วจะถูกส่งกลับเข้าสู่ร่างกาย
ก่อนเริ่มการฟอกเลือด ผู้ป่วยจะต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อสร้างเส้นเลือดสำหรับฟอกไตก่อน (Vascular Access) เช่น การใช้หลอดเลือดของผู้ป่วยเอง (AV Fistula) หรือการสร้างเส้นเลือดเทียม (AV Graff) จากนั้นจะต่อหลอดเลือดดำกับหลอดเลือดแดงบริเวณแขน เพื่อให้เส้นเลือดดำใหญ่ขึ้น และมีแรงดันมากพอที่จะทำให้เลือดไหลเข้าสู่เครื่องฟอกไตเทียมได้
วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม โดยการฟอกเลือด หรือ ฟอกไต แต่ละครั้งต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชม. และต้องทำการฟอกเลือดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
2. การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis - PD)
การล้างไตผ่านช่องท้อง เป็นการใช้อวัยวะภายในช่องท้องของผู้ป่วยเองอย่างเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งเปรียบเสมือนตัวกรองธรรมชาติ โดยจะทำการใส่น้ำยาฟอกไตเข้าไปในช่องท้องผ่านสายสวน (Catheter) ซึ่งเป็นจุดสำหรับเติมและระบายน้ำยาฟอกไต ในกระบวนการฟอกไต น้ำยาจะดูดซับของเสียและน้ำส่วนเกินจากเลือดผ่านเยื่อบุช่องท้อง จากนั้นน้ำยาที่มีของเสียจะถูกระบายทิ้งผ่านสายสวน
สำหรับวิธีล้างไตผ่านช่องท้องมีข้อดีคือ ผู้ป่วยสามารถทำการล้างไตได้เองที่บ้าน โดยสามารถเลือกวิธีการล้างไตได้ 2 แบบ คือ การล้างไตด้วยมือ (CAPD - Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis) หรือการล้างไตด้วยเครื่องอัตโนมัติ (APD - Automated Peritoneal Dialysis) ในเวลากลางคืนขณะนอนหลับ
วิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีความยืดหยุ่นในการฟอกไตได้เองที่บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่อาจมีโอกาสติดเชื้อในช่องท้อง (Peritonitis) ได้ หากไม่ดูแลความสะอาดอย่างเคร่งครัด และต้องมีการฝึกอบรมการทำอย่างละเอียด
การเตรียมตัวก่อนฟอกไต
การฟอกไต คือกระบวนการสำคัญสำหรับผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรัง ดังนั้นการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การรักษาราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยก่อนฟอกไต ควรมีการเตรียมตัวดังนี้
- เตรียมเส้นเลือด (สำหรับฟอกเลือด) โดยทำเส้นฟอกไต (AVF/AVG) ผ่าตัดเชื่อมเส้นเลือดเอาไว้ล่วงหน้า 3-6 เดือน เพื่อให้เส้นเลือดแข็งแรงพอสำหรับการฟอกเลือดอย่างสม่ำเสมอ
- เตรียมช่องท้องสำหรับการใส่สายฟอกไต สำหรับผู้ที่เลือกการฟอกไตทางช่องท้อง
- เตรียมความพร้อมทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยควรควบคุมอาหาร ควบคุมน้ำหนักและของเหลว และรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์กำหนด
การดูแลตนเองของผู้ป่วยฟอกไต


การฟอกไตเป็นเพียงการรักษาประคับประคอง ไม่ใช่การรักษาให้หายขาด ผู้ป่วยฟอกไตจึงจำเป็นต้องดูแลตนเองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยควรปฏิบัติตามข้อแนะนำ ดังนี้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด ทั้งในเรื่องของการฟอกไต ยาที่ต้องรับประทาน และการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
- ควบคุมอาหารและน้ำดื่ม การจำกัดปริมาณโซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และน้ำ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของคนที่ฟอกไต
- รักษาสุขอนามัยที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลบริเวณเส้นเลือดฟอกไต หรือสายสวนช่องท้อง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตามความเหมาะสมและคำแนะนำของแพทย์
- จัดการกับความเครียด เพราะการฟอกไตเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ผู้ป่วยอาจเผชิญกับความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า การพูดคุยกับครอบครัว ผู้ดูแล หรือผู้ป่วยคนอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์เดียวกัน จะช่วยให้รับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น
- เข้ารับการตรวจสุขภาพตามนัด เพื่อติดตามอาการและปรับแผนการรักษาหากจำเป็น
- วางแผนการฟอกไตกรณีพิเศษ เช่น เดินทางไปท่องเที่ยว ย้ายบ้าน โดยผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวไกล ๆ ได้ แต่ต้องนำยาที่ต้องกินประจำไปด้วย อละควรติดต่อห้องไตเทียมในการฟอกเลือดในสถานที่ที่จะเดินทางไปล่วงหน้า เพื่อจะได้ฟอกเลือดตามกำหนด รวมถึงขอข้อมูลเกี่ยวกับการฟอกไตจากห้องไตเทียมที่ฟอกเลือดประจำ ไปให้ห้องไตเทียมใหม่ที่จะทำการฟอกเลือดด้วย
ฟอกไต ทำที่ไหน
โรงพยาบาลนครธน มีแผนกไตเทียมที่พร้อมให้บริการในการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ทั้งแบบปกติ และแบบประสิทธิภาพสูง (Online Hemodiafilltration; Online HDF) โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมประสิทธิภาพสูงเป็นการฟอกไตที่พัฒนาขึ้น โดยเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียที่อาศัยกระบวนกำจัดของเสีย 2 กระบวนการรวมกัน ได้แก่ กระบวนการแพร่ (Diffusion) ให้ของเสียซึมผ่านตัวกรองออกมาในน้ำยาฟอกเลือดเอง และกระบวนการพา (Convection) ให้ของเสียถูกน้ำปริมาณมากล้างผ่านตัวกรองออกมา ทำให้สามารถกำจัดของเสียได้ทั้งของเสียที่มีขนาดเล็ก ขนาดกลาง และของเสียที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งการฟอกไตแบบเดิมไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้การฟอกไตแบบ Online HDF ยังใช้ตัวกรองที่มีประสิทธิภาพสูงและระบบน้ำบริสุทธิ์สูง (ระดับ Ultrapure Water) ซึ่งช่วยลดการติดเชื้อและอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อน ลดอาการคันที่ผิวหนัง ลดภาวะโลหิตจาง ภาวะซีด ผิวขาวขึ้น ไม่ดำคล้ำ ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีอายุที่ยืนยาวขึ้นมากกว่าการฟอกเลือดแบบปกติในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฟอกไต
การฟอกไตเป็นกระบวนการที่สำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ป่วยโรคไตวาย จึงมีคำถามมากมายที่ผู้ป่วยและครอบครัวมักจะสงสัย โดยคำตอบสำหรับคำถามที่พบบ่อย มีดังนี้
1. ผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตจำเป็นต้องควบคุมอาหารการกินหรือไม่?
สำหรับผู้ป่วยโรคไตที่ได้รับการฟอกไต อาหารมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลสุขภาพ นักโภชนาการอาหารจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว หลักการสำคัญคือการเพิ่มปริมาณโปรตีน และลดการบริโภคโซเดียม (เกลือ)
2. การฟอกไตสามารถเกิดผลข้างเคียงได้หรือไม่?
การฟอกไตเป็นการรักษาที่ปลอดภัย แต่อาจมีความเสี่ยงปานกลางที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงได้ เช่น การติดเชื้อ หรือการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิต ทีมแพทย์ผู้ดูแลจะให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และผลข้างเคียง จากการฟอกไตแต่ละประเภท พร้อมทั้งให้การดูแลรักษาหากเกิดปัญหา
3. การฟอกไตถือว่าเป็นการรักษาโรคไตด้วยเลยมั้ย?
อาจมีหลายคนสงสัยว่าฟอกไต มีโอกาสหายไหม การฟอกไตไม่ได้ช่วยรักษาโรคไตให้หายขาด หรือชะลอการลุกลามของโรคไต แต่หน้าที่หลักของการฟอกไตคือการป้องกันผลกระทบอันตรายจากของเสีย และน้ำส่วนเกินที่สะสมในร่างกาย โดยทำหน้าที่เป็นไตเทียมเพื่อกรองสารพิษเหล่านี้ออกจากเลือด ช่วยรักษาสมดุลในร่างกายและทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ส่วนการชะลอความเสื่อมของไตนั้นจะเน้นที่การควบคุมปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความดันโลหิต เบาหวาน และการปรับพฤติกรรมการกิน ซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการฟอกไต
ฟอกไต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
การฟอกไตเป็นกระบวนการที่สำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย โดยวิธีการฟอกไตที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย วิถีชีวิต และดุลยพินิจของแพทย์ นอกจากนี้การดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอและมีวินัย เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยฟอกไตสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและยืนยาวขึ้น
แม้ไตจะหยุดทำงาน แต่ความหวังและกำลังใจในการต่อสู้กับโรคนี้ยังคงมีอยู่เสมอ ที่โรงพยาบาลนครธน มีแผนกไตเทียม พร้อมให้บริการผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังด้วยวิธีการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ทั้งแบบปกติ และแบบประสิทธิภาพสูง (Online HDF) โดยทีมพยาบาลวิชาชีพที่ได้รับการอบรมเป็นพิเศษภายใต้การควบคุมของแพทย์อายุรศาสตร์โรคไต ที่พร้อมให้การดูแลอย่างครบวงจร
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์อายุรกรรม