กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อ กลั้นบ่อยระวัง!
ศูนย์ : ศูนย์ศัลยกรรม
บทความโดย : นพ. ชลันธร หาญนิรัญกูร

คนที่ชอบกลั้นปัสสาวะเอาไว้นาน ๆ บ่อย ๆ หรือปวดปัสสาวะแต่ไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้ ต้องทนปวดไปก่อน พอได้เข้าห้องน้ำกลับมีอาการปวดท้องน้อย ปัสสาวะแสบขัด ฉี่ไม่สุด ฉี่แล้วแสบ นั้นคือสัญญาณว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้
โรคนี้หลายคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร แต่ถ้าหากทุกคนมองข้ามแล้วปล่อยให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการอักเสบของไตเรื้อรัง และยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แทรกซ้อน กลายเป็นการอักเสบติดเชื้อในกระแสเลือดที่ส่งผลให้เสียชีวิตได้อีกด้วย
สารบัญ
- กระเพาะปัสสาวะทำหน้าที่อะไร
- โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากอะไร
- ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- อาการบ่งบอกกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- การตรวจและวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- การรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ป้องกันไม่ให้เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบอย่างไร
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รักษาให้หาย ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
กระเพาะปัสสาวะทำหน้าที่อะไร


กระเพาะปัสสาวะ เป็นอวัยวะที่มีรูปร่างคล้ายบอลลูน ในผู้หญิงจะอยู่หลังกระดูกหัวหน่าวภายในอุ้งเชิงกรานด้านหน้ามดลูก และผู้ชายจะอยู่ด้านหน้าต่อมทวารหนัก ผนังของกระเพาะปัสสาวะมีกล้ามเนื้อเรียบ 3 ชั้น ที่คอของกระเพาะจะมีกล้ามเนื้อหูรูดทวารเบามัดใน (Internal Sphincter Muscle) ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อลายอยู่ด้วย ทำหน้าที่เป็นที่เก็บสะสมน้ำปัสสาวะ จนกระทั่งมีน้ำปัสสาวะเกิน 250 มิลลิลิตรก็จะรู้สึกปวด อยากถ่ายปัสสาวะ ในขณะที่ปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะจะหดตัว ขับเอาน้ำปัสสาวะออกมาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โดยไม่มีอาการปวดหรือแสบใด ๆ
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากอะไร
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ Cystitis คือ หนึ่งในกลุ่มโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection หรือ UTI) ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากบริเวณรอบท่อปัสสาวะ พบได้ในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศ หรือคนที่นั่งโต๊ะทำงาน เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ปรับเปลี่ยน ทำให้บ่อยครั้งต้องอั้นปัสสาวะเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือเร่งรีบเบ่งปัสสาวะ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคนี้ที่พบบ่อยที่สุดในปัจจุบัน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ


โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ส่วนใหญ่มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่จะเป็นโรคต่อมลูกหมากโต เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้น อยู่ใกล้กับช่องคลอดและทวารหนัก ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะได้โดยง่าย ขณะที่ผู้ชายมีท่อปัสสาวะยาวกว่าและอยู่ห่างจากทวารหนัก โอกาสที่เชื้อโรคจะผ่านเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะจึงมีน้อยกว่ามาก รวมไปถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ดังนี้
- การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี เกิดการสะสมของแบคทีเรียซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อได้ง่าย
- ผู้สูงอายุ เนื่องจากสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศไม่ดี โดยเฉพาะคนที่ป่วยเป็นโรคที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือในผู้ที่ขาดคนดูแลอย่างใกล้ชิด และไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว ดื่มน้ำน้อย ปัสสาวะจึงแช่ค้างหรือคั่งในกระเพาะปัสสาวะ เชื้อโรคและแบคทีเรียจึงเจริญเติบโตได้ดี
- สตรีมีครรภ์ เมื่ออายุครรภ์เพิ่มขึ้น ศีรษะของทารกในท้องจะกดดันให้เกิดการคั่งของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะไม่หมด เกิดปัสสาวะแช่ค้างในกระเพาะปัสสาวะ และก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
- การดูแลรักษาสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศไม่ดี โดยเฉพาะผู้หญิง หากทำความสะอาดไม่ถูกวิธี
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ผู้ป่วยที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน หากควบคุมโรคได้ไม่ดี จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- การสวนล้างช่องคลอด ด้วยยาปฏิชีวนะ
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

อาการบ่งบอกกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบอาการแสดงที่สำคัญ คือ ปัสสาวะบ่อย แสบขัด อาจบ่อยมากทุกๆ 1-2 ชั่วโมง ปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรืออาจแสบขัดมากจนไม่อยากถ่ายปัสสาวะ อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น
- ปัสสาวะไม่ค่อยสุด ปัสสาวะหยด หรือไหลซึมออกมาอีก
- รู้สึกปวดบริเวณท้องน้อยขณะปัสสาวะสุด อาจปวดมากแบบบิดเกร็ง หรืออาจปวดแบบถ่วง ๆ
- ปัสสาวะมีเลือดหยดออกมาตอนสุด หรือมีเลือดปนในน้ำปัสสาวะ
- บางรายมีอาการไข้ร่วม
- ปัสสาวะขุ่น ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น
- กลางคืนต้องตื่นลุกขึ้นมาปัสสาวะเกิน 2 ครั้งขึ้นไป
การตรวจและวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ร่วมกับการตรวจปัสสาวะ ถ้าตรวจพบเม็ดเลือดขาวในน้ำปัสสาวะ ก็วินิจฉัยได้เลยว่าเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หากมีการติดเชื้อ แพทย์อาจส่งน้ำปัสสาวะเพื่อทำการเพาะเชื้อ ในกรณีที่เป็นซ้ำบ่อย ๆ หรือมีอาการรุนแรง อาจจำเป็นต้องตรวจอัลตราซาวนด์ หรือส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะเพิ่มเติมว่ามีความผิดปกติในกระเพาะปัสสาวะหรือไม่ เช่น มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือนิ่วในไต เป็นต้น
การส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) เป็นหัตถการเพื่อตรวจเยื่อบุภายในกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ด้วยการสอดผ่านท่อปัสสาวะเข้าไปยังกระเพาะปัสสาวะ ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นเนื้อเยื่อที่อยู่ในกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะได้
โดยการส่องกล้องนี้จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า ซิสโตสโคป (Cystoscope) ซึ่งเป็นท่อยาวที่มีกล้องและไฟอยู่ที่ปลายท่อ เครื่องมือนี้มีทั้งแบบที่ยืดหยุ่น (Flexible Cystoscope) และแบบตรง (Rigid Cystoscope) ทั้งสองแบบจะมีช่องพิเศษที่สามารถใส่อุปกรณ์ชิ้นเล็ก เพื่อเข้าไปทำหัตถการภายใน เพื่อวินิจฉัย ติดตามและรักษาโรคหรือความผิดปกติของท่อปัสสาวะ และกระเพาะปัสสาวะได้อย่างชัดเจน รวมถึงตรวจหาสาเหตุของอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น
การรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ


โดยทั่วไปการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ จะเป็นการให้ยาปฏิชีวนะประมาณ 3-5 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของยา สำหรับคำถามว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบ กี่วันหายนั้น ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง อาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะนาน 7-10 วันร่วมกับการรักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และให้ดื่มน้ำให้เพียงพอสม่ำเสมอ วันละ 2.5 ลิตรต่อวัน (24 ชั่วโมง) จะช่วยเจือจางปัสสาวะ และช่วยขับแบคทีเรียออกจากกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งไม่กลั้นปัสสาวะ ควรเข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะทันที เพื่อไม่ให้เชื้อโรคสะสมในกระเพาะปัสสาวะ
ป้องกันไม่ให้เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบอย่างไร
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สามารถป้องกันได้ด้วยการลดความเสี่ยงของโรคลง อาทิ ไม่ควรกลั้นปัสสาวะโดยไม่จำเป็น ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน รักษาสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศด้วยการทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลัง ควบคุมโรคเบาหวานที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ไม่สวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรปัสสาวะทิ้งและทำความสะอาดร่างกายทันที เป็นต้น
ทั้งนี้ หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น หรือสงสัยว่าจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ และรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รักษาให้หาย ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
แม้ว่าโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) มักจะหายได้ไม่ยาก แต่หากมีอาการที่ผิดปกติไปจากเดิม ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นซ้ำบ่อย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาในระบบทางเดินปัสสาวะที่ซับซ้อนกว่าปกติ
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์ศัลยกรรม