หญิงตั้งครรภ์กับไวรัสตับอักเสบบี

ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพสตรี

บทความโดย : พญ. สังวาลย์ เตชะพงศธร

หญิงตั้งครรภ์กับไวรัสตับอักเสบบี

ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การใช้ของส่วนตัวร่วมกัน การใช้เข็มร่วมกัน รวมไปถึงถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ โดยการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากแม่ไปสู่ทารกมีความสำคัญมาก เพราะทารกที่ติดเชื้อจากแม่ที่เป็นพาหะมักไม่มีอาการแต่จะกลายเป็นโรคตับอักเสบบีเรื้อรังคือมีภาวะเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีในภายหลัง ถ้าแม่มีอาการตับอักเสบบีเฉียบพลันขณะตั้งครรภ์ มีโอกาสติดไปที่ลูกมากกว่าที่เป็นเรื้อรังหรือพาหะธรรมดา ดังนั้น คุณแม่ควรตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีก่อนตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ถ่ายทอดเชื้อไวรัสไปสู่ลูกในครรภ์


สาเหตุสำคัญของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

  • การติดจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ เกิดจากการติดเชื้อขณะคลอด โดยการสัมผัสเลือดของแม่ขณะคลอด
  • ติดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคโดยไม่สวมถุงยาง
  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
  • ใช้อุปกรณ์ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น มีดโกน หรือของใช้อื่นๆ ที่มีเลือดติดอยู่
  • ผ่านการถ่ายเลือดที่ไม่ได้ตรวจหาโรคตับอักเสบบี
  • ผ่านวิธีการรักษาแบบดั้งเดิมที่อาจเกี่ยวข้องกับเลือด เช่น การฝังเข็ม
  • การใช้อุปกรณ์การสักที่ไม่ได้รับการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง

หญิงตั้งครรภ์หากเป็นไวรัสตับอักเสบบีทำอย่างไร

หากหญิงตั้งครรภ์ตรวจพบว่าเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบ บี ควรเข้ารับการรักษาโรคตับอักเสบบีในทันที เพื่อลดความเสี่ยงการถ่ายทอดเชื้อไวรัสไปสู่ทารกในครรภ์ เนื่องจากทารกที่คลอดจากแม่ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะมีการติดเชื้อจากแม่ในอัตราที่สูงและมีโอกาสเป็นโรคแบบเรื้อรังสูงเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการป้องกันโดยฉีดสารภูมิต้านทานให้ลูกภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด เพื่อให้มีภูมิป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเกิดขึ้นเลยทันที สำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย อาจจะได้รับวัคซีนเมื่อมีอายุ 1 เดือนขึ้นไป


ทารกติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี จะส่งผลอย่างไร

หากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากมารดา ทารกมีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี เรื้อรังถึง 90 % มีโอกาสป่วยเป็นโรคตับแข็ง มะเร็งตับ ในระยะเวลา 25-30 ปี และมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งตับมากกว่าคนทั่วไป


หญิงตั้งครรภ์ป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้อย่างไร

  • การฝากครรภ์ เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ควรฝากครรภ์ทันที เพื่อรับการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และตรวจหาระดับภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี เพื่อความปลอดภัยของมารดาและทารกในครรภ์
  • หากไม่พบเชื้อ เมื่อตรวจแล้วไม่พบว่าเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบ บี และ ไม่มีภูมิคุ้มกันโรค แพทย์จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี
  • หากตรวจพบว่าเป็นพาหะ จะได้รับการดูแลด้านสุขภาพอย่างครอบคลุม กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางเดินอาหารและตับ ควบคู่กับการดูแลครรภ์โดยสูตินรีแพทย์

ไวรัสตับอักเสบบีป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน

การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ควรฉีดตั้งแต่ในวัยเด็กแรกเกิด ในเด็กโตและในผู้ใหญ่ก็สามารถฉีดวัคซีนได้ แต่เพราะส่วนใหญ่อาจจะมีภูมิต้านทานการติดเชื้ออยู่แล้ว ซึ่งสามารถทราบได้จากการตรวจเลือดว่าควรหรือไม่ควรรับวัคซีน โดยการฉีดวัคซีนเพียง 3 เข็ม (0,1,6 เดือน) สามารถสร้างภูมิต้านทานในการป้องกันการติดเชื้อได้ตลอดชีวิต

ทั้งนี้การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีในสตรีมีครรภ์ในปัจจุบันยังไม่พบมีอันตรายต่อทารกในครรภ์ สามารถฉีดได้เหมือนคนปกติทั่วไป และเพื่อการตั้งครรภ์ที่แข็งแรงปลอดภัยจากโรคร้ายที่อาจแทรกแซงได้ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับวัคซีนที่กำหนดให้ครบถ้วนตามคำแนะนำของแพทย์





ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย





Share :

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย