โดนล้อเรื่อง ‘กลิ่นปาก’ ไม่ใช่เรื่องสนุก

ศูนย์ : ศูนย์ทันตกรรม

บทความโดย : ทพ. สุรศักดิ์ วลีอิทธิกุล

โดนล้อเรื่อง ‘กลิ่นปาก’ ไม่ใช่เรื่องสนุก

ในโทรทัศน์เรามักจะคุ้นชินกับภาพของนักแสดงตลกที่นำเรื่องกลิ่นปากมาล้อเล่นกัน แต่ในชีวิตจริงคงไม่สนุกแน่ หากเพื่อนๆ หรือคนรอบตัวนำเรื่องกลิ่นปากของคุณมาพูดล้อเล่น ซึ่งกลิ่นปากมักสร้างความไม่มั่นใจให้แก่เจ้าของกลิ่น แม้ดูแลรักษาปากและฟันดีแต่บางทีก็มีกลิ่นปากแบบไม่รู้ตัว แล้วเคยสงสัยหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วกลิ่นปากเกิดจากอะไร ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก แล้วจะรักษาหรือป้องกันได้อย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันได้เลย


สาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก

ฟันผุและโรคเหงือกอักเสบเนื่องจากแผ่นคราบจุลินทรีย์และหินปูนสะสมตามรอยต่อของเหงือกและฟัน หากไม่ได้รับการรักษาโรคเหงือกอักเสบก็จะลุกลามมากขึ้นกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบซึ่งจะมีกลิ่นเหม็นรุนแรงยิ่งขึ้น กลิ่นปากส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาภายในช่องปากของเราเอง เช่น แบคทีเรียย่อยอาหารทำให้เกิดกลิ่น คราบอาหารสะสม เศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน ซึ่งการแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธีจะไม่สามารถขจัดเศษอาหารเหล่านี้ได้ ผู้ที่ใส่ฟันปลอม หรือเครื่องมือต่างๆ ในช่องปาก เช่น ใส่เครื่องมือการจัดฟัน หรือใส่เครื่องมือกันฟันล้ม เป็นต้น สาเหตุเหล่านี้นอกจากจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นแล้วก็ส่งผลให้เกิดปัญหาทางช่องปากได้ เช่น มีฝ้าขาวบนลิ้นและโคนลิ้นด้านใน รวมทั้งยังมีเรื่องของปากแห้ง น้ำลายน้อย ซึ่งเกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ เมื่อมีน้ำลายน้อย เชื้อโรคต่างๆ จะตกค้างอยู่ในช่องปากเป็นจำนวนมาก และการเป็นโรคบางโรคก็สามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้ อาทิ ติดเชื้อทางโพรงจมูกหรือลำคอ ปอดติดเชื้อ ไต/ตับวาย โรคเบาหวาน โรคกรดไหลย้อน รวมถึงระบบการย่อยต่างๆ และปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้

นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสาเหตุจากภายนอกช่องปาก ได้แก่ การสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคปริทันต์รุนแรงมากขึ้น และกลิ่นของบุหรี่ที่ตกค้างอยู่ในช่องปากผสมกับกลิ่นอื่นๆ อีกทำให้มีกลิ่นเหม็นมากขึ้นได้ และการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม เครื่องเทศ สะตอ และแอลกอฮอล์ จะทำให้มีกลิ่นปากได้


การป้องกันกลิ่นปาก

  1. ควรดูแลเรื่องอนามัยในช่องปาก การแปรงฟันและขัดฟันเป็นประจำทุกวัน จะช่วยควบคุมการเกิดคราบจุลินทรีย์ได้ ส่วนการกวาดลิ้นจะช่วยควบคุมกลิ่นปากที่เกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียบนลิ้น การใช้ไหมขัดฟันจะทำให้ช่องว่างระหว่างฟันสะอาดหมดจด นอกจากนี้ควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว และดื่มน้ำมะนาวบ้างเพื่อช่วยเพิ่มน้ำลาย
  2. ควรดูแลเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม ลดปริมาณหรือความถี่ในการกินอาหารที่มีรสหวาน ไม่ควรกินของหวานเป็นอาหารว่าง หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่เป็นกรด เช่น น้ำอัดลม โดยให้ดื่มนมแทนเครื่องดื่มที่เป็นกรด หรือหลังจากดื่มที่เป็นกรดไม่เกินหนึ่งชั่วโมงให้รีบแปรงฟันทันที

เคล็ด (ไม่) ลับดูแลสุขภาพช่องปาก

การรักษาสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คุณจะทำเพื่อเหงือกและฟันของคุณ หมดความกังวลเรื่องกลิ่นปาก ฟันที่แข็งแรงไม่เพียงแต่จะช่วยให้ดูดี และรู้สึกดีเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้คุณรับประทานได้สะดวก และพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำอีกด้วย สำหรับใครที่มีปัญหาไม่มั่นใจ กังวลเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก เรามีเคล็ด (ไม่) ลับ ในการดูแลสุขภาพช่องปากมาฝากกันดังนี้

  1. เลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม มีด้ามจับกระชับมือ และที่สำคัญควรเปลี่ยนแปรงใหม่ทุกๆ 3 เดือน
  2. เลือกใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการเสียวฟัน ควรใช้ยาสีฟันที่ลดอาการเสียวฟัน
  3. ใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นประจำ เพราะการแปรงฟันอาจทำความสะอาดฟันไม่หมดจด
  4. ใช้ไหมขัดฟันช่วยขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกเหงือกและฟันที่ชิดกันมาก เพราะแปรงสีฟันอาจไม่สามารถเข้าถึง
  5. ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดลิ้นหลังจากการแปรงฟันเป็นประจำ เพื่อช่วยลดแบคทีเรียบนลิ้น สาเหตุหลักของกลิ่นปาก
  6. สำหรับคนที่จัดฟันหรือคนที่ไม่ถนัดในการใช้ไหมขัดฟัน “แปรงสำหรับทำความสะอาดซอกฟัน” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีไม่น้อย


ทั้งนี้รู้ว่ามีกลิ่นปาก ต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง และหากปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นปากแล้ว 10 วัน อาการไม่ดีขึ้น ควรรีบมาปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อรับการตรวจสุขภาพช่องปาก


Share :

แพ็กเกจ/โปรโมชั่น

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย