มะเร็งลำไส้ใหญ่ ภัยร้ายใกล้ตัว อาการเจ็บป่วยที่ไม่ควรมองข้าม

ศูนย์ : ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ

บทความโดย : นพ. สมบุญ รุ่งจิรธนานนท์

มะเร็งลำไส้

มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon Cancer) ถือว่าเป็นโรคที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด และด้วยปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป บวกกับกรรมพันธุ์เป็นส่วนหนึ่ง รวมทั้งพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ยิ่งทำให้เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้มากยิ่งขึ้น โดยผู้ป่วยมะเร็งลำไส้เมื่อเป็นแล้วมีโอกาสหายไหม หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และสามารถผ่าตัดก้อนมะเร็งออกได้หมด มีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้ ฉะนั้นเพื่อที่จะได้ตระหนักถึงอันตรายและหันกลับมาดูแลรักษาสุขภาพของเราให้ดีมากยิ่งขึ้น ไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันดีกว่า


มะเร็งลำไส้ใหญ่ คืออะไร?


มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่

มะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ โรคที่เซลล์ปกติในลำไส้ใหญ่เกิดการกลายพันธุ์ มีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเยื่อบุอย่างมากจนไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเซลล์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมก็จะเกิดติ่งเนื้อหรือเนื้องอกขึ้นในลำไส้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ในระยะแรก ๆ เซลล์อาจเป็นเพียงแค่เนื้องอกธรรมดา ที่อาจจะกลายเป็นมะเร็งหรือไม่ก็ได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาหรือไม่ตัดทิ้ง เนื้องอกอาจเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็งได้ และหากกลายเป็นมะเร็ง เซลล์มะเร็งจะลุกลามไปยังชั้นกล้ามเนื้อและส่วนต่าง ๆ ของลำไส้ผ่านท่อน้ำเหลืองและหลอดเลือด และไปปรากฏยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

> กลับสารบัญ


ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

เนื่องจากสาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ เกิดจากอะไรยังไม่ทราบชัดเจน แต่สำหรับบางคนบางกลุ่ม อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงกว่าคนอื่น ได้แก่

  • ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารเนื้อแดง และเป็นเนื้อที่ผ่านการทอด ปิ้ง หรือย่างไหม้เกรียม
  • ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารที่มีไขมันและแคลอรี่สูง หรือรับประทานอาหารที่มีเส้นใยน้อย
  • ผู้มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะญาติสายตรง
  • ผู้ที่มีประวัติการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้
  • ผู้ที่มีปัญหาระบบขับถ่าย เช่น ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ท้องผูกเรื้อรัง
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ และบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นประจำ
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน

> กลับสารบัญ


อาการมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นอย่างไร

  • มะเร็งลําไส้ใหญ่ อาการ ระยะแรกที่มี ได้แก่ ปวดท้องเรื้อรัง ท้องอืด ท้องเฟ้อ บ่อยผิดปกติ และมะเร็งลําไส้ ปวดท้องแบบไหน ซึ่งมักมีอาการปวดบริเวณท้องช่วงล่าง
  • มีอาการท้องผูกเรื้อรัง หรือท้องผูกสลับท้องเสีย
  • ถ่ายเป็นเลือด หรือถ่ายดำ ซีด โลหิตจาง
  • น้ำหนักลดผิดปกติ อ่อนเพลียอ่อนแรงแบบไม่มีสาเหตุ
  • คลำพบก้อนในท้องที่บริเวณท้องตอนล่าง
  • มะเร็งลำไส้ อาการคลื่นไส้ เบื่ออาหาร

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่


การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่

ในการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถทำได้หลายวิธี โดยแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติครอบครัว ประวัติส่วนตัว ตรวจร่างกายโดยทั่วไปแล้วจึงจะเข้าสู่การตรวจเฉพาะทางเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เช่น

  • ตรวจหาเลือดในอุจจาระ เป็นการตรวจจากตัวอย่างอุจจาระที่ส่งตรวจทางพยาธิวิทยา ซึ่งถ้าหากมีเลือดปนอยู่ในอุจจาระก็แปลว่าภายในระบบทางเดินอาหารอาจมีเลือดออก แพทย์ก็จะส่งตัวให้ไปทำการตรวจอย่างละเอียดในขั้นต่อไป แต่ผู้รับการตรวจต้องงดเนื้อสัตว์และเลือด รวมทั้งวิตามินบำรุงเลือดอย่างน้อย 3 วัน
  • การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทั้งหมด (Colonoscopy) ส่องกล้องทางเดินอาหาร โดยใช้กล้องพิเศษที่มีลักษณะเป็นท่อยาวเล็ก ๆ สอดผ่านทวารหนักเพื่อผ่านเข้าไปในลำไส้ใหญ่ ทำให้แพทย์สามารถเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ตลอดทั้งลำไส้ใหญ่ส่วนต้นและส่วนปลายได้ อีกทั้งแพทย์สามารถตัดชิ้นเนื้อนั้นออกมาตรวจได้โดยตรง
  • การตรวจทางรังสีวิทยา เช่น การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อประเมินระยะของโรคและเลือกระยะการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

> กลับสารบัญ


ระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่

ระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่แบ่งออกเป็น 5 ระยะหลัก (0-4) โดยพิจารณาจากการลุกลามของเซลล์มะเร็งในผนังลำไส้ การแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง และการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไป โดยทั่วไปจะใช้ระบบ TNM (Tumor, Node, Metastasis) ในการจัดระยะของมะเร็ง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • ระยะที่ 0 : เซลล์มะเร็งยังอยู่ในชั้นเยื่อบุผิวของลำไส้เท่านั้น ยังไม่มีการลุกลามไปยังชั้นอื่น ๆ
  • ระยะที่ 1 : มะเร็งลุกลามเข้าไปในชั้นผนังลำไส้ แต่อาจจะยังไม่ทะลุถึงชั้นกล้ามเนื้อ และยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น ๆ
  • ระยะที่ 2 : มะเร็งลุกลามผ่านชั้นกล้ามเนื้อของผนังลำไส้ อาจจะทะลุถึงชั้นนอกสุดของลำไส้ หรือลุกลามไปยังเนื้อเยื่อรอบข้าง แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น ๆ
  • ระยะที่ 3 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงกับลำไส้ แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป
  • ระยะที่ 4 : มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ไกลจากลำไส้ เช่น ตับ ปอด กระดูก หรือเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งถือเป็นระยะที่รุนแรงที่สุด

การทราบระยะของมะเร็งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนการรักษาและการพยากรณ์โรค โดยทั่วไปแล้ว มะเร็งในระยะเริ่มต้น (ระยะ 0, 1 และ 2) มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูงกว่ามะเร็งในระยะที่ลุกลามหรือแพร่กระจาย (ระยะ 3 และ 4)

> กลับสารบัญ


โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาได้อย่างไรบ้าง


การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของมะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสุขภาพร่างกายของผู้ป่วยในขณะนั้นว่ามีความพร้อมและเหมาะสมกับวิธีใดมากที่สุด โดยทั่วไปแล้วการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ มีดังนี้

  • รักษาด้วยการผ่าตัด การผ่าตัดถือเป็นวิธีการรักษาได้ในทุกระยะของโรคมะเร็ง แต่หากเป็นระยะแรกแพทย์จะทำการแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเนื้อมะเร็งออกโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจาย
  • รักษาด้วยการใช้รังสี (Radiation Therapy) จะใช้รักษาก่อนที่จะมีการผ่าตัด เพื่อลดขนาดของก้อนมะเร็ง หรือให้หลังการผ่าตัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่ยังหลงเหลืออยู่
  • รักษาด้วยการใช้เคมีบำบัด หรือ คีโม (Chemotherapy) วิธีนี้จะใช้ร่วมกับการผ่าตัด โดยผู้ป่วยหลังจากได้รับการผ่าตัดแล้วก็จะต้องได้รับยาเคมีบำบัดเพิ่มเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่หลงเหลืออยู่
  • การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) เป็นการใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อโมเลกุลหรือโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีผลข้างเคียงน้อยกว่าเคมีบำบัดแบบดั้งเดิม มักใช้ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะแพร่กระจายที่มีลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่าง
  • ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)เป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถจดจำและทำลายเซลล์มะเร็งได้เอง ปัจจุบันมีการนำมาใช้ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่บางชนิดที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมบางอย่าง

ในการวางแผนการรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งลำไส้ใหญ่จะพิจารณาจากข้อมูลทั้งหมดของผู้ป่วย รวมถึงระยะของโรค ผลชิ้นเนื้อ ลักษณะทางพันธุกรรมของมะเร็ง และสุขภาพโดยรวม เพื่อกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุด บางครั้งอาจมีการรักษาแบบผสมผสานหลายวิธีร่วมกัน

> กลับสารบัญ


ทำอย่างไรไม่ให้เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่

แม้ว่าเราไม่สามารถทราบถึงสาเหตุของการเกิดโรคนี้ได้ แต่เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดได้ ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารไขมันสูง เน้นรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ อาทิ ผัก และผลไม้
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • รับประทานเนื้อแดงให้น้อยลง
  • งดการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • ดูแลระบบขับถ่ายให้เป็นปกติอยู่เสมอ
  • เมื่ออายุ 45 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองโดยการส่องกล้องทุก ๆ 5-10 ปี

> กลับสารบัญ


มะเร็งลำไส้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด รู้เร็ว รักษาได้

อาการเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับระบบขับถ่าย ก็อาจนำมาสู่การเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ดังนั้นหากคุณมีความผิดปกติ บวกกับมีปัจจัยเสี่ยงในข้างต้น ควรมาพบแพทย์เฉพาะทาง ที่ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลนครธน ให้บริการวินิจฉัย และรักษาที่ครบวงจรภายในที่เดียวกัน (One Stop Service) ซึ่งการรักษามะเร็ง ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ ฯลฯ จะได้รับการออกแบบเฉพาะสำหรับแต่ละบุคคล โดยทีมแพทย์จะร่วมกันพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สภาพร่างกาย และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย เพราะรู้ก่อน สามารถรักษาหายได้

> กลับสารบัญ


ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:

  1. - Website : https://www.nakornthon.com
  2. - Facebook : Nakornthon Hospital
  3. - Line : @nakornthon
  4. - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย