การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก) ใช้ในโรคอะไรบ้าง และเหมาะกับใคร
ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพเด็ก
บทความโดย : นพ. กฤษณ์ เชี่ยวชาญประพันธ์

สุขภาพของลูกคือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนห่วงใยที่สุด โดยเฉพาะเมื่อพบว่าลูกมีอาการผิดปกติ เช่น เหม่อลอย เกร็ง หรือสะดุ้งบ่อยๆ ขณะนอนหลับ หลายครอบครัวอาจเกิดความกังวลว่า อาการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโรคทางสมองหรือไม่ และจะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกในอนาคตอย่างไร การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก) ช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคสำคัญ เช่น โรคลมชักในเด็ก ปัญหาการนอน หรือความผิดปกติของสมอง เป็นการตรวจที่ ปลอดภัย ไม่เจ็บ และเหมาะสำหรับเด็กทุกวัย หากลูกของคุณมีอาการ เกร็ง เหม่อลอย สะดุ้งบ่อยตอนหลับ หรือสงสัยว่ามีอาการชัก อย่ารอช้า เพราะการตรวจ EEG เด็ก จะช่วยยืนยันความผิดปกติได้อย่างแม่นยำ
สารบัญ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก) คืออะไร
- โรค หรือภาวะใดที่ควรตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก
- ใครบ้างที่ควรมาตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)
- การเตรียมตัวก่อนตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก)
- ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก)
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก เจ็บหรือไม่ อันตรายหรือเปล่า
- ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก) คืออะไร
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก หรือที่เรียกว่า EEG เด็ก (Electroencephalography) เป็นการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าที่เกิดจากการทำงานของสมอง ผ่านการติดขั้วไฟฟ้าขนาดเล็กไว้ที่หนังศีรษะ ขั้วไฟฟ้าเหล่านี้จะบันทึกสัญญาณไฟฟ้าของสมอง และส่งต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลเป็นกราฟ โดยการตรวจ EEG เด็ก เป็นวิธีที่ปลอดภัย ไม่เจ็บ และไม่มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสมอง ใช้เพื่อช่วยวินิจฉัยโรคทางระบบประสาท เช่น โรคลมชักในเด็ก ความผิดปกติด้านการนอน ภาวะพัฒนาการล่าช้า และการทำงานผิดปกติของสมองหลังอุบัติเหตุ
โรค หรือภาวะใดที่ควรตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองเด็ก (EEG เด็ก) ไม่ได้ใช้เฉพาะกับ โรคลมชักในเด็ก เท่านั้น แต่ยังช่วยในโรคหรือภาวะที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการ การนอน และอาการชักที่หาสาเหตุไม่ได้ โดยเด็กอาจได้รับการแนะนำให้ตรวจ EEG หากมีอาการดังต่อไปนี้
- โรคลมชักในเด็ก เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุด แพทย์ต้องใช้ EEG เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและแยกชนิดของอาการชัก
- อาการชักไม่ทราบสาเหตุ เช่น เกร็งหรือหมดสติเป็นพัก ๆ EEG จะช่วยบันทึกการทำงานของสมองในขณะเกิดอาการ
- ปัญหาการนอน เช่น ฝันร้าย ละเมอ หรือสงสัยภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ EEG ช่วยตรวจหาความผิดปกติของคลื่นสมองระหว่างการนอน
- พัฒนาการล่าช้า เด็กบางคนมีพัฒนาการช้าโดยไม่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร หากไม่พบสาเหตุที่ชัดเจน แพทย์อาจตรวจ EEG เพื่อตรวจหาความผิดปกติของสมอง
- ภาวะสมองขาดออกซิเจนหลังคลอด ใช้เพื่อประเมินการทำงานของสมองทารกแรกเกิด
- หลังอุบัติเหตุทางสมอง เพื่อดูผลกระทบที่อาจไม่ปรากฏใน CT/MRI
- โรคทางสมองอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อในสมอง (encephalitis, meningitis) ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง

ใครบ้างที่ควรมาตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)
การตรวจ EEG มีความสำคัญอย่างยิ่งในเด็กที่มีอาการหรือภาวะบางอย่างที่บ่งชี้ถึงปัญหาทางสมอง ได้แก่
- เด็กที่มีอาการชัก หรือสงสัยว่ามีอาการชัก การตรวจ EEG สามารถช่วยระบุประเภทของการชักและตำแหน่งที่เกิดความผิดปกติในสมอง
- เด็กที่มีภาวะสมองพิการ หรือพัฒนาการล่าช้า ช่วยประเมินการทำงานของสมองเพื่อหาสาเหตุของปัญหา
- เด็กที่มีปัญหาด้านพฤติกรรม หรือการเรียนรู้ที่ผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติของคลื่นสมอง
- เด็กที่มีอาการวูบ หมดสติ หรือภาวะที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับสมอง
- ติดตามผลการรักษาในเด็กที่มีโรคทางสมอง เช่น โรคลมชัก
การเตรียมตัวก่อนตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก)
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก หรือ EEG เด็ก เป็นการตรวจที่ปลอดภัย ไม่เจ็บ และไม่ใช้รังสี แต่เพื่อให้การตรวจได้ผลที่ชัดเจนและแม่นยำมากที่สุด คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมตัวและเตรียมลูกน้อยล่วงหน้าอย่างเหมาะสม
- การสระผมและทำความสะอาดหนังศีรษะ ควรสระผมให้ลูกในคืนก่อนตรวจ หรือเช้าวันตรวจ โดยหลีกเลี่ยงการใช้เจล สเปรย์ หรือน้ำมันใส่ผม เพื่อให้ขั้วไฟฟ้า (Electrode) ติดแนบสนิทบนหนังศีรษะและได้สัญญาณที่ชัดเจน
- การนอนหลับก่อนตรวจ บางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ นอนหลับน้อยกว่าปกติ เพื่อให้ลูกสามารถนอนหลับได้ระหว่างการตรวจ EEG เนื่องจากการนอนหลับมีประโยชน์ต่อการตรวจ เพราะช่วยให้เห็นคลื่นสมองที่ผิดปกติได้ชัดขึ้น
- การงดอาหารหรือเครื่องดื่มบางชนิด ไม่ควรให้ลูกทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มี คาเฟอีน เช่น ช็อกโกแลต ชา หรือเครื่องดื่มอัดลม เพราะอาจทำให้ลูกนอนหลับได้ยากระหว่างตรวจ แต่สามารถรับประทานอาหารมื้อปกติได้ เพื่อป้องกันอาการหน้ามืดหรืออ่อนเพลีย
- การใช้ยา หากลูกใช้ยาอยู่ ควร แจ้งแพทย์ล่วงหน้า ว่ายาชนิดใดบ้าง ในบางกรณีแพทย์อาจให้ทานยาตามปกติ หรือปรับการใช้ยาชั่วคราวเพื่อให้ผลตรวจชัดเจน และห้ามหยุดยาด้วยตนเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- ของใช้ที่ควรเตรียมไปด้วย ได้แก่ ขวดนม ของเล่น หรือตุ๊กตาที่ลูกคุ้นเคย เพื่อช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย ผ้าห่มหรือหมอนเล็ก ๆ สำหรับเด็กที่ต้องตรวจระหว่างนอนหลับ หรือ หนังสือหรือของเล่นเงียบ ๆ สำหรับรอตรวจ
ขั้นตอนการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก)
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก) จะมีการตรวจทั้งแบบปกติ ใช้เวลาตรวจประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง บันทึกคลื่นสมองในขณะเด็กตื่น และบางครั้งในขณะหลับ และการตรวจแบบ Video EEG Monitoring หรือ EEG 24 ชั่วโมง คือการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองร่วมกับการบันทึกวิดีโออย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแพทย์สามารถดูความสัมพันธ์ระหว่าง อาการชัก/พฤติกรรมผิดปกติ กับ รูปแบบคลื่นไฟฟ้าสมอง ตรวจความผิดปกติที่มักเกิดขึ้นขณะหลับ เพื่อช่วยหาความผิดปกติได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยมีขั้นตอนการตรวจ ดังนี้
- การติดอุปกรณ์บนศีรษะ เจ้าหน้าที่จะติด ขั้วไฟฟ้าเล็ก ๆ (Electrodes) บนหนังศีรษะของเด็ก ซึ่งจะใช้เจลหรือครีมพิเศษช่วยให้ขั้วไฟฟ้าสัมผัสผิวได้แนบแน่น โดยการติดตั้งนี้ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด แค่รู้สึกเย็นหรือเหนียวเล็กน้อย
- การบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมอง หลังจากติดอุปกรณ์เรียบร้อย จะเริ่มบันทึก สัญญาณไฟฟ้าสมอง ของเด็กทันที โดยเด็กจะนั่งหรือนอนสบาย ๆ ในห้องตรวจ โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถอยู่ด้วยได้ โดยการตรวจอาจใช้เวลา 30 - 60 นาที สำหรับแบบปกติ และอาจนานกว่านั้นหากเป็นแบบ EEG 24 ชั่วโมง
- การทดสอบระหว่างตรวจ เพื่อกระตุ้นให้สมองแสดงคลื่นไฟฟ้าที่หลากหลายขึ้น เจ้าหน้าที่อาจให้เด็กทำกิจกรรมเล็ก ๆ เช่น ลืมตา–หลับตา สลับกัน หายใจแรง ๆ (Hyperventilation) ประมาณ 3–5 นาที การส่องแสงแฟลช เพื่อดูการตอบสนองของสมอง โดยทั้งหมดนี้ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก
- การนอนหลับระหว่างตรวจ บางกรณีแพทย์อาจให้เด็กนอนหลับระหว่างตรวจ เพื่อดูคลื่นสมองในช่วงหลับ ซึ่งการนอนหลับช่วยให้เห็นสัญญาณผิดปกติได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในเด็กที่สงสัยโรคลมชัก
- หากต้องการข้อมูลต่อเนื่อง แพทย์อาจแนะนำการตรวจแบบ EEG 24 ชั่วโมง โดยเด็กจะต้องติดอุปกรณ์บันทึกสัญญาณสมองไว้ แล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติที่บ้านหรือหอผู้ป่วย วิธีนี้ช่วยเก็บข้อมูลช่วงที่เกิดอาการจริง เช่น ตอนนอนหลับหรือตอนมีกิจกรรมประจำวัน
- แกะขั้วไฟฟ้าออก หลังจากตรวจเสร็จ เจ้าหน้าที่จะแกะขั้วไฟฟ้าออกและทำความสะอาดเจลนำไฟฟ้า
- หลังการตรวจ สามารถกลับบ้านได้ตามปกติ ผลตรวจแปลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทเด็ก
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก เจ็บหรือไม่ อันตรายหรือเปล่า
การตรวจ EEG เด็ก มีประโยชน์อย่างมากในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาโรคลมชัก การประเมินพัฒนาการของสมอง การติดตามประสิทธิภาพของการรักษาในเด็กที่ป่วยด้วยโรคทางสมอง โดยเป็นการตรวจที่ปลอดภัย ไม่เจ็บปวด และไม่ก่อให้เกิดอันตราย ไม่มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสมอง โดยเด็กอาจรู้สึกไม่สบายจากการติดขั้วไฟฟ้าเล็กน้อย แต่ไม่มีผลข้างเคียง
การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก (EEG เด็ก) เป็นการตรวจที่สำคัญและปลอดภัย ใช้สำหรับวินิจฉัย โรคลมชักในเด็ก ปัญหาการนอน พัฒนาการล่าช้า และอาการชักที่ไม่ทราบสาเหตุ หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นอาการผิดปกติ เช่น ลูกมีอาการเกร็ง เหม่อลอย หรือหยุดหายใจขณะนอน ควรรีบปรึกษากุรมารแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการตรวจและการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนครธน เรามีเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองในเด็ก โดยสามารถตรวจประเมินแบบปกติ และแบบ 24 ชั่วโมง เพื่อวินิจฉัยโรคและภาวะที่เป็น เพื่อนำไปสู่การประเมินการรักษาอย่างเหมาะสมกับเด็กในแต่ละบุคคล
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สุขภาพเด็ก