การทดสอบภูมิแพ้ โดยการสะกิดผิวหนัง (Allergy Skin prick test)
ศูนย์ : บริการทางการแพทย์ด้านภูมิแพ้, ศูนย์สุขภาพเด็ก
บทความโดย : พญ. วราลี ผดุงพรรค
-01.jpg)
การทดสอบภูมิแพ้ โดยการสะกิดผิวหนัง (Skin Prick Test) เป็นหนึ่งในวิธีการทดสอบสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ (ชนิดเฉียบพลัน IgE-mediated) โดยทำที่ผิวหนัง ในผู้ใหญ่และเด็กโตมักทำบริเวณแขนท่อนล่างด้านใน ส่วนเด็กเล็กมักทำบริเวณแผ่นหลัง แพทย์จะหยดน้ำยาที่ต้องการทดสอบลงบนผิวหนัง แล้วใช้ปลายเข็มสะกิดเพื่อให้น้ำยาสามารถซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนัง การสะกิดมักจะไม่มีบาดแผล รออ่านผล 15 นาที ถ้าท่านแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใด จะเกิดปฏิกิริยา นูน บวม แดง คล้ายตุ่มยุงกัดของผิวหนังบริเวณตำแหน่งที่หยดน้ำยาชนิดนั้นๆ การทดสอบด้วยวิธีนี้ใช้ปริมาณน้ำยาก่อภูมิแพ้เพียงเล็กน้อย (ประมาณเม็ดถั่วเขียว) โอกาสที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายนั้นมีน้อยมาก
สารบัญ
ประโยชน์ของการทดสอบภูมิแพ้ โดยการสะกิดผิวหนัง
- เพื่อค้นหาว่าโรคที่ผู้ป่วยเป็น มีสาเหตุมาจากโรคภูมิแพ้หรือไม่
- ทำให้ทราบว่าตนเองแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดใดบ้าง และมากน้อยเพียงใด
- ทำให้สามารถหลีกเลี่ยง หรือกำจัดสารก่อภูมิแพ้ที่ตนแพ้
- หากจำเป็นต้องรักษาโดยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ แพทย์จะใช้ผลการทดสอบภูมิแพ้ โดยการสะกิดผิวหนังนี้เป็นข้อมูลในการสั่งวัคซีนสำหรับฉีดให้ผู้ป่วย
การทดสอบภูมิแพ้โดยการสะกิดผิวหนัง เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นภูมิแพ้
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหืดตั้งแต่เด็ก
- ตรวจได้ทุกคน แต่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากผลการทดสอบจะแม่นยำมากกว่า

การทดสอบภูมิแพ้โดยการสะกิดผิวหนังไม่เหมาะกับใคร
ไม่แนะนำให้ทำการทดสอบภูมิแพ้ โดยการสะกิดผิวหนัง กับบุคคลต่างๆ ดังนี้
- ในบุคคลที่เป็นผื่นผิวหนังอักเสบทั่วตัว
- ไม่เหมาะกับเด็กที่ต่ำกว่า 6 เดือน เพราะผิวหนังของเด็กที่อายุน้อยกว่านี้มีความไวมากกว่า อาจส่งผลให้ผลตรวจผิดพลาดได้
- สตรีมีครรภ์
- ผู้ที่เกิดปฏิกิริยาทางผิวหนังได้ง่ายกว่าปกติ เช่น ผื่น ลมพิษเรื้อรัง
- ผู้มีโอกาสเกิดปฏิกิริยารุนแรงจากสารก่อภูมิแพ้ เช่น มีประวัติแพ้อาหารรุนแรง
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทดสอบภูมิแพ้ โดยการสะกิดผิวหนัง เช่น เคยมีอาการแพ้รุนแรงมาก่อน มีผื่นมาก หรือมีบริเวณผิวที่ไม่เป็นโรคไม่มากพอจะทดสอบทางผิวหนังได้ แพทย์จะแนะนำให้ตรวจด้วยวิธีเจาะเลือด
การเตรียมตัวก่อนการทดสอบ
-
งดยากลุ่มที่มีผลต่อการทดสอบ ได้แก่
- กลุ่มยาแก้แพ้ ยาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัน ยาแก้ลมพิษ ยาแก้ไอ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น
- CPM (Chlopheniramine)
- Actifed (Nasolin)
- Decolgen, Tiffy
- Atarax (Hydroxyzine)
- Telfast (Fexofenadine)
- Dimetap
- Clarityne (Loratadine)
- Zyrtec (Cetirizine
- Benadryl
- Xyzal (Levocetirizine)
- Aerius (Desloratadine)
- Clarinase
- กลุ่มยากล่อมประสาท ยานอนหลับ ยาแก้วิงเวียนหรือเมารถ อย่างน้อย 1-3 สัปดาห์ เ ช่น Ativan (Lorazepam), Diazepam, Amitriptyline, Phenothiazines, Immipramine
-
กลุ่มยาสเตียรอยด์ หากมีการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดฉีดหรือรับประทานเป็นเวลานาน หรือใช้ยาทาเฉพาะที่ท ี่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์บริเวณผิวหนังที่จะทำการทดสอบ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน เพราะมีผลต่อการทดสอบได้
หมายเหตุ :
- กลุ่มยา Anti-leukotriene (Singulair, Montex) กลุ่มยาพ่น เช่น ยาพ่นจมูก (Intranasal corticosteroid) และยาพ่นรักษาโรคหืด (Inhaledbronchodilator and inhaled corticosteroid) ให้ใช้ต่อเนื่องไม่ต้องงดเว้นก่อนมาทำการทดสอบ
- กลุ่มยาแก้ปวด ลดไข้ พาราเซตามอล (Paracetamol) เป็นยาฆ่าเชื้อ ถ้าจำเป็นต้องใช้ไม่ต้องงด
- กลุ่มยาแก้แพ้ ยาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัน ยาแก้ลมพิษ ยาแก้ไอ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่น
- แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่หลวมสบาย เสื้อแขนสั้น หรือไม่รัดแขน เพื่อความสะดวกในการทดสอบ
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ต้องแจ้งชื่อยาที่ใช้อยู่ให้แพทย์ทราบก่อนทดสอบ เพราะยาบางตัวอาจมีผลต่อการทดสอบ ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนมาทำการทดสอบ ไม่ควรมีภาวะเจ็บป่วยในวันที่ทำการทดสอบ
ขั้นตอนการทดสอบ
- ทำความสะอาดผิวหนังที่ต้องการทดสอบโดยเช็ดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์
- รอให้แอลกอฮอล์แห้งทำเครื่องหมายด้วยปากกาหมึกแห้ง
- หยดน้ำยาทดสอบลงบนผิวหนังที่ทำเครื่องหมายไว้จนครบจำนวนที่ต้องการทดสอบ
- ใช้เข็มปราศจากเชื้อขนาดเล็กสะกิดผิวหนังผ่านบริเวณที่หยดน้ำยา
- รออ่านผลประมาณ 15 - 20 นาที โดยจะปรากฏเป็นตุ่มแดง คันบริเวณที่มีการแพ้
- หลังจากนั้นเช็ดทำความสะอาดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์อีกครั้ง แล้วทาครีมทับเพื่อลดอาการคันหรือแดงบริเวณที่ทำการทดสอบ อาจมีจุดแดงเล็กๆ ซึ่งอาจจะคงอยู่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง จะหายไปเอง
โรงพยาบาลนครธนได้จัดชุดทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังที่เหมาะสม ดังนี้
Allergy Skin Prick Test | |
---|---|
การทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ | การทดสอบสารก่อภูมิแพ้ทางอาหาร |
1. ไรฝุ่น (Mixed Mite) | 1. กล้วย (Banana) |
2. แมลงสาบ (Cockroach) | 2. ส้ม (ORANGE SCRATCH) |
3. รังแค ขน น้ำลายแมว (Cat) | 3. นมวัว (Cow's milk ) |
4. รังแค ขน น้ำลายสุนัข (Dog) | 4. ไข่แดง (Egg yolk) |
5. สปอร์เชื้อรารวม (Mixed Mold) | 5. ไข่ขาว (Egg white) |
6. หญ้าขน (PARA GRASS) | 6. ถั่วเหลือง (Soy) |
7. หญ้าปล้อง, หญ้าพง (Johnson Grass) | 7. ถั่วลิสง (Peanut) |
8. วัชพืชผักโขม (Careless Weed) | 8. ข้าวสาลี (Wheat) |
9. หญ้าแพรก (Bermuda)/td> | 9. กุ้งนาง,กุ้งลายเสือ,กุ้งทราย (Shrimp) |
10. กระถินณรงค์ (Acacia) | 10. ปูทะเลเปลือกแข็ง (Crab) |
11. มดคันไฟ (Fire Ant) | 11. อาหารทะเล (หอยนางรม, กุ้งมังกร, หอยฝาคู่) (Mixed Shellfish) |
12. โกโก้ (Cocoa Bean) | |
13. มะเขือเทศ (Tomato) | |
14. ทูน่า (Tuna) | |
15. เนื้อหมู (Pork) | |
16. เนื้อไก่ (Chicken) | |
17. ยีสต์ (Yeast) | |
18. ข้าว (Rice) | |
19. หอยฝาคู่ (CLAM) | |
20. ข้าวโพดหวาน (Sweet Corn) | |
21. ปลาทะเลรวม (แมคเคอเรล, ค็อด, เฮอริ่ง, เพลส) (Fish Mix) |
ข้อควรระวัง
การทดสอบด้วยวิธีนี้ใช้ปริมาณน้ำยาก่อภูมิแพ้เพียงเล็กน้อย (ประมาณเม็ดถั่วเขียว) โอกาสที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงจนเป็นอันตรายนั้นมีน้อยมาก
การทดสอบภูมิแพ้โดยการสะกิดผิวหนังนั้น เป็นการทดสอบที่ทำให้รู้ถึงสิ่งที่เราแพ้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้เหล่านั้นเพราะหัวใจสำคัญของโรคภูมิแพ้ คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่ตนแพ้ ทั้งจากการตั้งใจหรือจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้สามารถป้องกันตัวเองให้ห่างจากความเสี่ยงที่เกิดจากการแพ้ได้ หากมีอาการเหล่านี้อยู่เป็นประจำ ได้แก่ คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล จาม คันจนน้ำตาไหล อาการลมพิษ ผื่นแพ้เป็นๆ หายๆ หายใจถี่ๆ ไอแห้งๆ เรื้อรัง และ หายใจมีเสียงดังวี้ดหรือเสียงผิดปกติ ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจภูมิแพ้
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์บริการทางการแพทย์ด้านภูมิแพ้, ศูนย์สุขภาพเด็ก