ต่อมลูกหมากโต ภัยร้ายของชายวัย 50+ ที่ไม่ควรมองข้าม

ศูนย์ : ศูนย์ศัลยกรรม

บทความโดย :

ต่อมลูกหมากโต

ปวดฉี่กลางดึกมากกว่า 2 ครั้ง ฉี่ไม่สุด ฉี่ไม่พุ่ง กลั้นฉี่ไม่ได้ เป็นสัญญาณเตือนของโรคต่อมลูกหมากโต โดยทั่วไปต่อมลูกหมากจะหยุดเจริญเติบโตหลังจากอายุ 20 ปี จนกระทั่งอายุประมาณ 45 ปี จะมีการเพิ่มขนาดขึ้นอีกครั้ง และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่อมลูกหมากโต เกิดจากเซลล์ต่อมลูกหมากที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ และทำให้เกิดความผิดปกติต่อทางเดินปัสสาวะ มักพบในผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในผู้ชายสูงวัยอายุ 70 ปีขึ้นไปพบมากถึง 80%

บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจกับโรคต่อมลูกหมากโต อาการ ปัจจัยเสี่ยง และแนวทางการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ต่อมลูกหมากโต


โรคต่อมลูกหมากเป็นอย่างไร


โรคต่อมลูกหมากโตคืออะไร โรคต่อมลูกหมากโตคืออะไร

ต่อมลูกหมาก เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของระบบสืบพันธุ์เพศชาย มีขนาดเท่าผลลิ้นจี่ อยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น หน้าที่สำคัญคือ ผลิตของเหลวเป็นตัวหล่อลื่น และนำส่งเชื้ออสุจิในขณะที่มีการหลั่งของน้ำอสุจิออกมา

โรคต่อมลูกหมากโต หรือ BPH (Benign Prostate Hyperplasia) คือปัญหาสุขภาพที่น่าหนักใจของคุณผู้ชายทั้งหลาย โดยทั่วไป ผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตจะอยู่ในช่วงอายุ 45-50 ปีขึ้นไป เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นต่อมลูกหมากจะค่อย ๆ โตขึ้น ในช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายเริ่มลดลง ซึ่งปกติเพศชายเมื่ออายุ 20 ปี จะมีขนาดของต่อมลูกหมาก ประมาณ 20 กรัมก่อนจะหยุดการเจริญเติบโต แต่จะค่อย ๆ โตขึ้นตามอายุที่มากขึ้นเมื่อมีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป

แล้วต่อมลูกหมากโต อันตรายไหม? เมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้นก็อาจกดเบียดท่อปัสสาวะให้แคบเล็กลง ส่งผลให้คนไข้มีอาการปัสสาวะติดขัด นอกจากนี้ต่อมลูกหมากโตอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้น เนื่องจากต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับน้ำปัสสาวะให้ผ่านท่อแคบ ๆ เมื่อเกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน ก็จะส่งผลให้ความสามารถในการกักเก็บน้ำปัสสาวะลดลง จึงต้องปัสสาวะบ่อย และอาจได้รับการกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างกะทันหันได้

> กลับสารบัญ


อาการของโรคต่อมลูกหมากโต

  • ลุกขึ้นถ่ายปัสสาวะกลางดึกมากกว่า 1-2 ครั้ง
  • สายปัสสาวะไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหล ๆ หยุด ๆ
  • อาการต่อมลูกหมากโต จะไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ จะต้องรีบเข้าห้องน้ำทันทีที่ปวดปัสสาวะ
  • ต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถปัสสาวะออกมาได้
  • รู้สึกปัสสาวะไม่สุด ทำให้อยากปัสสาวะอยู่เรื่อย ๆ
  • ปัสสาวะบ่อย ห่างกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง

โดยโรคต่อมลูกหมากโต อาการที่เป็นอยู่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ปัสสาวะไม่ออกเลย ทางเดินปัสสาวะอักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ไตเสื่อมหรือกระเพาะปัสสาวะเสื่อม ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นต้น ซึ่งอาจพบได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของผู้ป่วยต่อมลูกหมากทั้งหมด

> กลับสารบัญ


ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคต่อมลูกหมากโต

ต่อมลูกหมากโตเกิดจากอะไร? ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดโรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia - BPH) มีหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงตามวัยของผู้ชาย ภาวะนี้เป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และแม้ว่าจะไม่ใช่มะเร็ง แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ โดยต่อมลูกหมากโต เกิดจากปัจจัยดังนี้

  • อายุ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด เนื่องจากความชุกของโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • พันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต่อมลูกหมากโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากญาติสายตรง (พ่อหรือพี่น้อง) จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ที่เพิ่มขึ้นตามวัย มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ต่อมลูกหมาก
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้สูงขึ้น
  • ผู้ป่วยเบาหวาน อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรคเบาหวานส่งผลต่อการทำงานของระบบฮอร์โมนและหลอดเลือด
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด มีความเชื่อมโยงกับโรคต่อมลูกหมากโต เนื่องจากอาจมีความบกพร่องของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะในบริเวณนั้น
  • การขาดการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาจส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดโรค

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโต

  • ตรวจสอบร่างกายและซักประวัติคนไข้โดยละเอียด
  • การตรวจต่อมลูกหมากทางท่อทวารหนัก “ดีอาร์อี” (Digital Rectal Examination) เพื่อดูลักษณะผิดปกติและความแน่นของเนื้อต่อมลูกหมาก
  • ทำการทดสอบเพื่อวัดอัตราการไหลของปัสสาวะ
  • ตรวจเพาะเชื้อจากปัสสาวะ
  • วัดปริมาณปัสสาวะที่เก็บอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
  • อัลตราซาวนด์ขนาดต่อมลูกหมากที่เปลี่ยนแปลง
  • เจาะ PSA เพื่อแยกโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

> กลับสารบัญ


แนวทางการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต


วิธีรักษาต่อมลูกหมากโต วิธีรักษาต่อมลูกหมากโต

สำหรับโรคต่อมลูกหมากโตนั้น ส่วนมากมักจะมีต่อคุณภาพชีวิตมากกว่าจะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ดังนั้น วิธีรักษาต่อมลูกหมากโตจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาอาการขับถ่ายปัสสาวะของผู้ป่วยให้ดีขึ้น โดยวิธีการรักษาแบ่งเป็น 3 วิธี ดังนี้

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

วิธีการรักษาเริ่มแรก แพทย์จะให้ปรับพฤติกรรม เช่น ในรายที่เป็นไม่มากอาจให้ลดการดื่มน้ำ ลดชา กาแฟ ถ้าอาการดีขึ้นไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่หากปรับพฤติกรรมแล้วอาการไม่ดีขึ้นต้องรักษาด้วยยาต่อไป


รักษาด้วยการใช้ยา

สำหรับการรักษาด้วยยารักษาต่อมลูกหมากโต แพทย์อาจสั่งยาบางชนิด เช่น Proscar (Finasteride) ซึ่งจะช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมากให้มีขนาดเล็กลง หรือบางครั้งอาจใช้ยาคลายกล้ามเนื้อเรียบในต่อมลูกหมากให้มีลักษณะอ่อนตัวลง (Alpha-Blockers)

แต่ถ้าในรายที่มีอาการปัสสาวะลำบากมากขึ้นจนมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวัน หรือในรายที่เป็นมาก ๆ อยู่ในระหว่างรอการผ่าตัด แพทย์จะให้การรักษาด้วยยาต่อมลูกหมากโตตามความเหมาะสมกับอาการของแต่ละบุคคล


รักษาด้วยการผ่าตัด

รักษาด้วยการผ่าตัด เป็นวิธีที่แพทย์จะใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก หรือมีภาวะแทรกซ้อน โดยจะเป็นการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องเพื่อตัดเอาชิ้นเนื้อส่วนที่เกินออกมาจากต่อมลูกหมาก (TURP) เป็นวิธีผ่าตัดที่ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แพทย์ผ่าตัดจะส่งท่อที่มีกล้องขนาดเล็กผ่านเข้าสู่ท่อปัสสาวะ ตรงปลายท่อจะมีเครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็ก ใช้สำหรับตัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากส่วนที่กดทับท่อปัสสาวะไว้ ซึ่งสามารถทำได้โดยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ หรือศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ในระหว่างผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการวางยาเฉพาะส่วนล่าง ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ ในระยะ 3-4 วันแรก แพทย์จะใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะได้พัก และรอให้ปัสสาวะใส ก่อนจะเอาสายสวนปัสสาวะออก ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์

> กลับสารบัญ


ภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นเมื่อละเลยการรักษาที่ถูกต้อง

หากปล่อยให้ต่อมลูกหมากโต โดยไม่ทำการรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • ปัสสาวะไม่ออกทันที หรือออกแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • ปัสสาวะเป็นเลือด เนื่องจากต่อมลูกหมากบวม
  • กระเพาะปัสสาวะคราก หรือมีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้หมด ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • การทำงานของไตเสื่อมลง และอาจทำให้ไตวาย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แพทย์เน้นย้ำคือชายที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี และเมื่อมีอาการปัสสาวะผิดปกติก็ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาในเบื้องต้น รวมถึงไม่ควรละเลยการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน มาพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน และทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กลับมาดีขึ้นดังเดิม

> กลับสารบัญ


ต่อมลูกหมากโต เมื่อปัสสาวะเริ่มมีปัญหา ไม่ควรปล่อยผ่าน

ต่อมลูกหมากโต ทำให้เกิดอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะเวลากลางคืน หรือปัสสาวะไม่พุ่ง ซึ่งอาการเหล่านี้อาจรบกวนคุณภาพชีวิตและการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง จะช่วยให้คุณสามารถดูแลรักษาโรคได้อย่างเหมาะสม

ที่ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลนครธน ให้บริการด้านการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยการประเมินอาการและวินิจฉัยอย่างแม่นยำ เพื่อแยกแยะภาวะต่อมลูกหมากโตออกจากโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกัน เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งต้องได้รับการรักษาที่แตกต่างกันออกไป การรักษาต่อมลูกหมากโตในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ยาไปจนถึงการผ่าตัด แพทย์ศูนย์ศัลยกรรมจะสามารถแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากอาการ ความรุนแรง และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยที่สุด

> กลับสารบัญ


ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:

  1. - Website : https://www.nakornthon.com
  2. - Facebook : Nakornthon Hospital
  3. - Line : @nakornthon
  4. - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย