ดริปวิตามิน ทางลัดสู่สุขภาพดี และผิวสวยจากภายใน
ศูนย์ : ศูนย์สุขภาพนครธน

การดริปวิตามิน (Vitamin IV Drip) เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทคนิคเสริมสุขภาพที่ได้รับความนิยม เพราะด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ความเครียด มลภาวะ และพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่สมดุล ทำให้หลายคนอาจขาดวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย การดริปวิตามินจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เข้ามาเติมเต็ม ช่วยฟื้นฟูความอ่อนล้า เพิ่มพลังงาน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส รวมถึงช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากการขาดสารอาหารได้ การดริปวิตามินจึงเป็นมากกว่าการให้สารอาหาร แต่คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน
แต่ยังมีหลายคนที่ยังคงกังวล และยังคงตั้งคำถามว่าดริปวิตามินดีจริงไหม ปลอดภัยแค่ไหน ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ดังนั้นในบทความนี้จะมาไขข้อสงสัย เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจสำหรับผู้ที่กำลังมีความสนใจในการดริปวิตามิน แต่ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดกัน
สารบัญ
- ดริปวิตามิน (IV Drip) คืออะไร?
- ดริปวิตามินมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
- ใครบ้างที่เหมาะกับการดริปวิตามิน
- เตรียมตัวอย่างไรก่อนดริปวิตามิน
- ขั้นตอนการดริปวิตามิน
- ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งถึงเห็นผล และให้ผลลัพธ์นานเท่าไหร่?
- หลังดริปวิตามิน ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
- ดริปวิตามิน กับ วิตามินแบบรับประทาน แตกต่างกันอย่างไร
- ดริปวิตามินมีผลข้างเคียงหรือไม่ เป็นอันตรายหรือเปล่า?
- ข้อควรระวังการดริปวิตามิน
- ทำไมต้องมาดริปวิตามินที่ศูนย์สุขภาพนครธน รพ. นครธน
- ดริปวิตามิน ฟื้นฟูสุขภาพจากภายในอย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ดริปวิตามิน (IV Drip) คืออะไร?


การดริปวิตามิน Vitamin หรือ IV Drip ทางการแพทย์ คือ การให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ เป็นนวัตกรรมการดูแลสุขภาพที่ใช้หลักการส่งผ่านสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยสามารถให้ได้ทั้งสารอาหารขนาดโมเลกุลเล็ก (Micronutrient) ได้แก่ วิตามินและเกลือแร่ และสารอาหารขนาดโมเลกุลใหญ่ (Macronutrient) ได้แก่ กรดไขมันไม่อิ่มตัวบางชนิด โปรตีนขนาดเล็ก เช่น เปปไทด์ (Peptide) และกรดอะมิโน (Amino Acid) ได้เช่นกัน
ซึ่งการดริปเข้าหลอดเลือดดำโดยตรง จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ต่างจากการรับประทานวิตามินแบบเม็ดที่อาจมีการสูญเสียสารอาหารบางส่วนไประหว่างกระบวนการย่อยและดูดซึมอาหารได้
ดริปวิตามินมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
การดริปวิตามินให้ประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายประการ เช่น เสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายหลังการเจ็บป่วย การอักเสบต่าง ๆ หรือการบาดเจ็บของร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ การทำงานของระบบเผาผลาญพลังงาน เสริมการทำงานของตับ ลดการสะสมของอนุมูลอิสระในร่างกาย เป็นต้น
โดยการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำมีความปลอดภัยสูง หากเป็นสารอาหารที่ผ่านมาตรฐานการรับรองจากองค์การอาหารและยา ดริปในปริมาณ ระยะเวลา และความถี่ที่เหมาะสม ตลอดจนอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ใครบ้างที่เหมาะกับการดริปวิตามิน


การดริปวิตามิน (IV Drip Vitamin Therapy) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้
- ผู้ที่อ่อนเพลีย พักผ่อนน้อย หรือนอนไม่พอ ช่วยเพิ่มพลังงาน ลดความเหนื่อยล้า ทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
- ผู้ที่ทำงานหนัก เครียดสะสม ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนล้าที่เกิดจากความเครียด
- ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยบ่อย เป็นหวัดง่าย หรือมีอาการภูมิแพ้เรื้อรัง เช่น คัดจมูก ไอจาม
- ผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์สารพิษ ช่วยขับของเสียและสารตกค้างออกจากร่างกาย
- ผู้ที่ต้องการฟื้นตัวจากอาการเมาค้าง ช่วยชดเชยน้ำและแร่ธาตุที่เสียไป รวมถึงลดอาการไม่พึงประสงค์จากการดื่มแอลกอฮอล์
- ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและลดอาการปวดเมื่อยหลังออกกำลังกาย
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น มีออร่า
- ผู้ที่ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ช่วยบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหลังเผชิญแสงแดดหรือมลภาวะ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอย
- ผู้ที่มีปัญหาสิว หรือผื่นคันเรื้อรัง: ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาการย่อยอาหาร หรือดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี เช่น ผู้ที่มีปัญหาลำไส้แปรปรวน หรือภาวะขาดสารอาหารบางชนิด โดยการดริปวิตามินจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนโดยตรง
- ผู้ที่ไม่สามารถรับประทานวิตามินแบบเม็ดได้ อาจเนื่องจากกลืนลำบาก หรือมีปัญหาอื่น ๆ

เตรียมตัวอย่างไรก่อนดริปวิตามิน
การรับวิตามินทางหลอดเลือดไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหาร สำหรับผู้เข้ารับบริการครั้งแรก ควรพบแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพพื้นฐานก่อนการรับบริการ แจ้งอาการ ปัญหา ตลอดจนความต้องการในการดูแลสุขภาพ รวมถึงแจ้งประวัติโรคประจำตัว ยาและอาหารเสริมที่ใช้ประจำ แนะนำให้เตรียมผลตรวจสุขภาพในช่วง 3-6 เดือนก่อนการเข้ารับบริการด้วย
ขั้นตอนการดริปวิตามิน


การดริปวิตามินโดยทั่วไปจะดำเนินการภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะมีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อนทำการให้วิตามิน ซึ่งมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
- ทำความสะอาดผิว พยาบาลหรือเจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะดริปผิว โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นบริเวณข้อพับแขนหรือข้อมือ
- ใช้เข็มฉีดยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ พยาบาลจะใช้เข็มขนาดเล็กแทงเข้าไปในหลอดเลือดดำ เมื่อเข็มเข้าที่แล้ว จะมีการสอดท่อพลาสติกขนาดเล็ก (Catheter) เข้าไปแทนที่เข็ม จากนั้นจะถอนเข็มออก เหลือเพียงท่อพลาสติกค้างอยู่ในเส้นเลือด
- ต่อสายน้ำเกลือ โดยเชื่อมสายน้ำเกลือจากถุงวิตามินกับท่อ Catheter
- เริ่มการให้วิตามิน วิตามินจะค่อย ๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายผ่านท่อ Catheter เข้าสู่หลอดเลือดดำ โดยอาศัยแรงโน้มถ่วง หรือบางครั้งอาจใช้เครื่องควบคุมการไหล (Infusion Pump) เพื่อควบคุมอัตราการไหลของวิตามินให้สม่ำเสมอและเหมาะสม
- ให้วิตามินจนครบระยะ โดยทั่วไปแล้ว การดริปวิตามินจะใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณและสูตรของวิตามินที่ได้รับ ระหว่างนี้ผู้เข้ารับบริการสามารถนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ หรือทำกิจกรรมเบา ๆ ได้ตามสบาย
- เฝ้าระวังอาการ ตลอดระยะเวลาที่ได้รับวิตามิน บุคลากรทางการแพทย์จะคอยสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติใด ๆ เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ เจ็บปวดบริเวณที่ฉีด จะทำการให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งถึงเห็นผล และให้ผลลัพธ์นานเท่าไหร่?
จำนวนครั้งและระยะเวลาของการให้วิตามินทางหลอดเลือดนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาของผู้รับบริการ สุขภาพพื้นฐาน ภาวะโรคประจำตัว และความต้องการของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วความถี่ในการดริปวิตามินอาจเริ่มต้นที่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ จำนวนครั้งตลอดจนความถี่ของการให้วิตามิน ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ในส่วนของผลลัพธ์ ผู้รับบริการจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับวิตามิน และเห็นผลชัดเจนเมื่อมารับบริการต่อเนื่อง 3- 5 ครั้งขึ้นไป ทั้งนี้ ผลลัพธ์และการตอบสนอง อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรทำต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อรักษาระดับวิตามินในร่างกาย
หลังดริปวิตามิน ควรดูแลตัวเองอย่างไร?


หลังการดริปวิตามินควรมีการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากวิตามินได้อย่างเต็มที่ และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายนำวิตามินไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
- นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผลลัพธ์จากการดริปวิตามินชัดเจนและคงอยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการดริปวิตามินเพื่อบำรุงผิวให้กระจ่างใส เพราะรังสี UV อาจทำให้ผิวกลับมาหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF สูง (SPF 50 ขึ้นไป) เมื่อต้องออกแดด
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสารนิโคตินในบุหรี่และแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นการอักเสบและสร้างสารอนุมูลอิสระ ซึ่งจะไปทำลายเซลล์ต่าง ๆ ทำให้วิตามินที่ได้รับไปไม่เห็นผลเท่าที่ควร หรือทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- รับประทานอาหารครบหมู่ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีน เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและสนับสนุนการทำงานของวิตามินในร่างกาย
- ออกกำลังกายเบา ๆ ถึงปานกลางเป็นประจำ ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการนำพาวิตามินไปใช้ทั่วร่างกาย
ดริปวิตามิน กับ วิตามินแบบรับประทาน แตกต่างกันอย่างไร
แม้ว่าจุดมุ่งหมายหลักของการรับวิตามินไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม คือการให้ร่างกายนำวิตามินไปใช้ประโยชน์ แต่ความแตกต่างหลัก ๆ จะอยู่ที่ประสิทธิภาพในการดูดซึมของแต่ละแบบ ซึ่งส่งผลต่อความรวดเร็วและผลลัพธ์ที่จะได้รับ
- ดริปวิตามิน (IV Drip) เป็นการส่งวิตามิน สารอาหาร และแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ 100% ทันที และนำไปใช้ได้ในระดับเซลล์ เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการย่อยของตับและลำไส้ จึงให้ผลลัพธ์การฟื้นฟู บำรุงร่างกาย และผิวพรรณได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง
- วิตามินแบบรับประทาน วิตามินแบบเม็ดหรือแคปซูล จำเป็นต้องผ่านกระบวนการย่อยและการดูดซึมที่ตับและลำไส้ก่อน ซึ่งใช้เวลา และอาจทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้เพียงประมาณ 50% หรือน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหารของแต่ละบุคคล วิตามินบางส่วนอาจสูญเสียไประหว่างทาง ทำให้การออกฤทธิ์และผลลัพธ์ที่ได้ใช้เวลานานกว่า และอาจไม่เต็มที่เท่าการฉีดเข้าทางหลอดเลือด
ดริปวิตามินมีผลข้างเคียงหรือไม่ เป็นอันตรายหรือเปล่า?
ผลข้างเคียงที่พบจากการดริปวิตามินนั้นมีไม่บ่อย แต่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการบวม รอยช้ำ จ้ำเลือด หรือมีก้อนเลือดขังบริเวณที่ให้สารอาหารทางหลอดเลือด การแพ้วิตามินดริปผิว เป็นต้น
ข้อควรระวังการดริปวิตามิน
แม้ว่าการดริปวิตามินจะให้ประโยชน์มากมาย แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน ก่อนตัดสินใจดริปวิตามิน จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ เพื่อประเมินความเหมาะสม และเลือกสูตรวิตามินที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบุคคลต่อไปนี้ควรระวังเป็นพิเศษ และไม่ควรทำการดริปวิตามิน
- หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่เป็นโรคไต หรือโรคตับ
- ผู้ที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD (ภาวะเลือดจางจากเม็ดเลือดแดงแตก)
- ผู้ที่มีภาวะเหล็กเกินในร่างกาย
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา หรือแพ้วิตามินบางชนิด
- ผู้ที่กำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่มีไข้สูง หรือรู้สึกไม่สบาย
ทำไมต้องมาดริปวิตามินที่ศูนย์สุขภาพนครธน รพ. นครธน


หากกำลังตัดสินใจว่าดริปวิตามิน โรงพยาบาลไหนดี ที่ศูนย์สุขภาพนครธน โรงพยาบาลนครธน มีการกำหนดสูตรวิตามิน วิเคราะห์ และตรวจสอบคุณภาพโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง มุ่งเน้นความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดต่อผู้รับบริการ โดยแต่ละสูตรนั้นจะช่วยเสริม ฟื้นฟู รักษาสมดุลของร่างกาย และแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ได้แก่
- Aura Bright Booster ดริปวิตามินผิวบำบัด สูตรช่วยฟื้นฟูผิวกระจ่างใส มีส่วนประกอบหลักคือ วิตามิน C และ Nac ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ
- Well Being Booster สูตรกำจัดสารพิษ (Chelation) ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกาย ทำให้ร่างกายกลับมาสดชื่น
- Energy Booster สร้างความสดชื่น ลดอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย บรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน นอนไม่หลับ เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายให้กระฉับกระเฉงสดใส
- Immune Booster เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น บรรเทาอาการภูมิแพ้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้เรื้อรัง และบุคคลทั่วไปที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- Recovery Booster บำรุง ฟื้นฟูร่างกายหลังหายป่วย ลดการอักเสบของร่างกาย
- Gut Healing ฟื้นฟูและกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร โดยมีการเติม Dipeptiven กรดอะมิโนที่มีความจำเป็นต่อระบบทางเดินอาหารและลำไส้
- Power Booster ฟื้นฟูพลังงาน บำรุงร่างกาย ประกอบไปด้วย Soluvit N และ Vitalipid N ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำและในไขมัน
- Brain Booster มีส่วนผสมของ Cerebrolysin ช่วยให้สมองฟื้นฟูและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Healthy Liver ช่วยเสริมการทำงานของตับ ประกอบด้วย Vitamin B Complex, Vitamin B6, Vitamin C, Sodium, Bicarbonate, Fluimucil, Magnesium และ Sulfate
ดริปวิตามิน ฟื้นฟูสุขภาพจากภายในอย่างมีประสิทธิภาพ
การดริปวิตามิน เป็นวิธีเสริมสุขภาพสามารถส่งตรงสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้เกือบ 100% จึงเห็นผลได้ไวกว่า ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หรือบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง การดริปวิตามินก็ถือว่าตอบโจทย์ด้านสุขภาพเป็นอย่างมาก
ศูนย์สุขภาพนครธน โรงพยาบาลนครธน มีโปรแกรมการดริปวิตามินที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย พร้อมดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ พร้อมประเมินสุขภาพอย่างละเอียดก่อนการดริปวิตามิน รวมถึงดูแลระหว่างรับบริการจนจบกระบวนการ ด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สะอาด ปลอดเชื้อ และได้มาตรฐาน มั่นใจว่าวิตามินที่คุณได้รับจะได้คุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สุขภาพนครธน