ภูมิแพ้อาหารแฝง รู้เร็ว หลีกเลี่ยงทันด้วยการตรวจเลือด

เป็นสิวผด ผื่นคัน ปวดท้องเป็นประจำ ปวดศีรษะเรื้อรัง คัดจมูกอยู่บ่อยๆ ท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรืออาการแปลกๆ หลังจากกินอาหารบางชนิดเป็นประจำ นั่นอาจเป็นอาการของ “ภูมิแพ้อาหารแฝง” ก็ได้ เนื่องด้วยอาการจะไม่แสดงออกภายในทันทีเหมือนภูมิแพ้อาหารแบบเฉียบพลัน จึงทำให้การคาดเดาว่าอาหารที่เป็นสาเหตุหรือจะหลีกเลี่ยงอาหารนั้นๆ ค่อนข้างยาก ดังนั้น การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังประสบกับปัญหานี้

รู้จัก..การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง

คือ การตรวจเลือดหาสารก่อภูมิต้านทาน เพื่อดูชนิดและประเภทอาหารที่แพ้แอบแฝง โดยเราไม่เคยทราบมาก่อนว่าอาหารชนิดไหนที่แพ้ เพราะอาการแพ้อาหารแบบแฝง จะไม่แสดงอาการทันทีหลังทาน

ประเภทอาหารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้อาหารแฝง

เนื่องด้วยอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้มีมากกว่า 200 ชนิด แต่ชนิดที่มักพบว่าเป็นสาเหตุของภูมิแพ้อาหารแฝง ได้แก่ นม และผลิตภัณฑ์จากนมทั้งหลาย เช่น ชีส โยเกิร์ต ธัญพืชที่มีกลูเตน ถั่ว กะหล่ำปลี เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นๆ ในอาหาร หรือสารที่พบในอาหาร เช่น ผงชูรส สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เชื้อรา สีผสมอาหาร สารกันเสีย และวัตถุปรุงแต่งกลิ่นรส เป็นต้น

การเตรียมตัวและวิธีตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง

การเตรียมตัวนั้นไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร ไม่จำเป็นต้องงดยาแก้แพ้จำพวกแอนตี้ฮิสทามีน แต่ก่อนตรวจควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วันตรวจสวมเสื้อผ้าที่ถอดง่าย สะดวกต่อการเจาะเลือดที่ข้อพับแขน วิธีการตรวจคือ ในวันที่รับการตรวจจะมีการซักประวัติ อธิบายและให้คำแนะนำเบื้องต้น จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการเจาะเลือด การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงจะใช้เวลา 10-15 นาที โดยจะเจาะเลือดที่ข้อพับแขน 2 CC เพื่อเก็บเลือดตัวอย่างส่งไปตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการ โดยรอผลประมาณ 7 วัน และจะรายงานผลการตรวจออกมาเป็นระดับการแพ้อาหารแต่ละรายการในแบบรูปเล่มพร้อมคำแนะนำ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยระบุภูมิแพ้อาหารแฝงได้หลายชนิด เพราะสามารถตรวจอาหารได้ 222 ชนิดในคราวเดียว อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์จากนม และไข่, ธัญพืชกลุ่มมีกลูเตนและไม่มีกลูเตน, ผักผลไม้, ข้าวสาลี, ปลาและอาหารทะเล, เนื้อสัตว์, สมุนไพรและเครื่องเทศ, ถั่วและพืชเมล็ด เป็นต้น

การปฏิบัติตัวหลังตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง

หลังทราบผลการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงว่าเรามีการแพ้อาหารชนิดไหนนั้น ก็หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นต้นเหตุ และรอจนกว่าอาการจะหายไป เพื่อให้ร่างกายกำจัดอาหารชนิดนั้นๆ ออกไปให้หมดก่อน ควรเว้นระยะนานพอสมควรประมาณ 6 เดือน จึงค่อยกลับไปรับประทานได้อีกครั้ง แต่ควรจำกัดปริมาณแต่น้อยๆ ก่อนจะเพิ่มปริมาณขึ้นทีละน้อยเพื่อดูว่า สามารถรับประทานได้แค่ไหนโดยไม่ทำให้อาการภูมิแพ้แฝงกำเริบอีก อย่างไรก็ตามจะมีแพทย์คอยแนะนำวิธีการเลี่ยงอาหาร และการจะเริ่มรับประทานอาหารที่แพ้ นอกจากนี้ยังสามารถนำผลที่ได้มาปรับใช้เลือกกินอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายมากที่สุด

ทุกคนจะมีภาวะภูมิแพ้อาหารแฝงอยู่ภายในร่างกายอยู่แล้ว เพียงแต่บางคนจะแสดงอาการออกมาในทันที หรือไม่แสดงอาการ ซึ่งในรายที่ไม่แสดงอาการนั้นจะมีความเสี่ยงสูงกว่ารายที่แสดงอาการ เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด หากไม่รู้ ไม่สนใจและปล่อยไว้นานโดยไม่ไปตรวจวินิจฉัยเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจกลายเป็นโรคเรื้อรังมากมายหลายอย่างตามมาได้