มะเร็งตับ รักษาได้ด้วยการจี้ด้วยความร้อน RFA

ศูนย์ : ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ

บทความโดย : นพ. สมบุญ รุ่งจิรธนานนท์

มะเร็งตับ รักษาได้ด้วยการจี้ด้วยความร้อน RFA

มะเร็งตับ ยังคงเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญสำหรับชีวิตคนไทยในปัจจุบัน เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากด้วยโรคนี้ สาเหตุหลักมาจาก ไวรัสตับอักเสบบี และซี รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลให้เกิดการอักเสบของตับเรื้อรัง กลายเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับในที่สุด โรคนี้หากตรวจพบในระยะเริ่มต้น สามารถรักษาได้ ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีอื่นๆ มาใช้ในการรักษามะเร็งตับหลายวิธีนอกเหนือไปจากการผ่าตัดมะเร็งตับ หนึ่งในวิธีนั้นคือ การรักษามะเร็งตับด้วยการจี้ด้วยความร้อน (Radiofrequency Ablation: RFA) อีกทางเลือกในการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นน้อย



การรักษามะเร็งตับด้วยการจี้ด้วยความร้อนคืออะไร?

การรักษามะเร็งตับด้วยการจี้ด้วยความร้อน หรือ การรักษามะเร็งตับด้วยคลื่นความถี่สูง (Radiofrequency Ablation: RFA) คือ การรักษามะเร็งที่เกิดจากตับหรือที่ลุกลามมาจากอวัยวะอื่น และมะเร็งตับที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ เป็นวิธีรักษาที่ใช้ความร้อน ไปทำลายเนื้อเยื่อที่เป็นเป้าหมายสำคัญผ่านทางเข็ม วิธีการรักษานี้ไม่ซับซ้อนและมีผลข้างเคียงน้อย

เครื่อง Radiofrequency Ablation: RFA ประกอบด้วยตัวผลิตพลังงานวิทยุ เข็มแบบพิเศษ (radiofrequency needle) แผ่นรองรับกระแสไฟฟ้าลงดิน (ground pad) ตัวเครื่อง โดยชนิดของเข็ม Radiofrequency Ablation (RFA) จะถูกออกแบบแตกต่างกันออกไป แต่มีจุดประสงค์หลักเดียวกัน คือสามารถส่งพลังงานความร้อนไปสู่ก้อนมะเร็งตับได้อย่างทั่วถึง และทำลายก้อนมะเร็งนั้น

> กลับสารบัญ


วิธีการรักษามะเร็งตับ RFA

เป็นวิธีการทำลายก้อนเนื้อ ด้วยการสอดเข็มขนาดเล็กเข้าไปในตับเพื่อให้ปลายเข็มวางอยู่ตำแหน่งของก้อนมะเร็งเป้าหมาย โดยอาศัยการนำทางด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรืออัลตราซาวด์ จากนั้นจะให้พลังงานที่เรียกว่า Radio Frequency (RF) ผ่านเข็มเข้าสู่ก้อนเนื้อ ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนภายในตัวก้อนเนื้อโดยจะได้รับอุณหภูมิสูงเกือบ 100 องศาเซลเซียส วิธีการนี้ก็เปรียบเสมือนการเผาก้อนเนื้อในตับ ซึ่งมีผลกระทบต่อเนื้อตับส่วนดีน้อยที่สุด

มีข้อดี คือ ไม่ต้องผ่าตัด เพียงแต่ใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือใช้ยานอนหลับในปริมาณเล็กน้อย ใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาล 1-2 วันเท่านั้น ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดสามารถกลับไปทำกิจกรรม หรือทำงานได้ตามปกติภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทั้งนี้การทำ RFA นี้ถือเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง มีผลข้างเคียงต่ำเมื่อเทียบกับการผ่าตัด ส่วนผลการรักษานั้น จะสามารถทำลายมะเร็งตับในอัตราที่ใกล้เคียงกับการผ่าตัด อัตรารอดชีวิตสูงเท่ากับการผ่าตัด

> กลับสารบัญ


ข้อบ่งชี้การรักษา RFA

วิธีนี้เหมาะสำหรับการใช้รักษาได้ทั้งก้อนมะเร็งที่เกิดจากตับหรือลุกลามมาจากที่อื่น ผู้ป่วยมะเร็งตับที่มีก้อนขนาดเล็กกว่า 5 เซนติเมตร และมีจำนวนไม่เกิน 3 ก้อน รวมไปถึงข้อบ่งชี้อื่นๆ ได้แก่

  1. ผู้ป่วยที่มีภาวะตับแข็งมาก และผู้ป่วยที่ร่างกายไม่พร้อมรักษาด้วยการผ่าตัดได้
  2. ตำแหน่งของก้อนมะเร็งจะต้องอยู่ลึกกว่าผิวตับ 1 ซม. และห่างจากเส้นเลือดใหญ่
  3. ใช้บรรเทาอาการปวดในผู้ป่วยมะเร็งตับที่มีก้อนขนาดใหญ่
  4. ใช้ลดขนาดก้อนมะเร็งตับให้เล็กลงเพื่อทำผ่าตัดได้ง่ายขึ้น

> กลับสารบัญ



ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

ข้อห้ามในการรักษา RFA

  • มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
  • ก้อนอยู่ใกล้อวัยวะสำคัญ เช่น ถุงน้ำดี ลำไส้ กระเพาะอาหาร หัวใจ
  • ก้อนมีขนาดใหญ่มากกว่า 5 เซนติเมตร
  • ผู้ป่วยที่มีการแพร่กระจายของโรคมะเร็งตับไปอวัยวะอื่นๆ

> กลับสารบัญ


การปฏิบัติตัวก่อนรักษา

ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าพักในโรงพยาบาล ก่อนรักษา 1 วัน เพื่อเตรียมความพร้อม ได้แก่

  1. การได้รับข้อมูล และคำแนะนำอย่างถูกต้องจากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ โดยเมื่อมีข้อซักถาม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากแพทย์และพยาบาล พร้อมทั้งต้องมีการลงนามเอกสารเพื่อยินยอมให้ทำการตรวจก่อนทุกครั้ง
  2. มีการตรวจเลือดเพื่อค้นหาภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และโปรดแจ้งแพทย์ทุกครั้งหากท่านมีประวัติเลือดออกผิดปกติ หรือกำลังรับประทานยาบางชนิด หรือรับประทานอาหารเสริม
  3. งดอาหารและน้ำดื่มก่อนการตรวจ 4-6 ชั่วโมง
  4. ผู้ป่วยอาจได้รับน้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

> กลับสารบัญ


ขั้นตอนการรักษามะเร็งตับด้วย RFA

  1. เตรียมผิวหนังบริเวณหน้าท้องโดยเฉพาะชายโครงขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แพทย์จะแทงเข็ม
  2. วิสัญญีแพทย์ให้ยาระงับความรู้สึก
  3. ทำการสอดเข็มผ่านผิวหนังเพื่อเข้าไปยังตำแหน่งก้อนเนื้อที่ต้องการ โดยสามารถมองเห็นเข็มที่สอดใส่ไปในอวัยวะอย่างชัดเจน ผ่านทางจอภาพซึ่งอาจเป็นอัลตราซาวด์ หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้แพทย์มั่นใจได้ว่าตรงตำแหน่งที่ต้องการ
  4. จากนั้นจะให้พลังงานที่เรียกว่า Radiofrequency (RF) ผ่านเข็มเข้าสู่ก้อนเนื้อ ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนภายในตัวก้อนเนื้อโดยจะได้รับ อุณหภูมิสูงเกือบ 100 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที โดยขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนของตัวก้อนนั้น ซึ่งผู้ป่วยอาจจะรู้สึกร้อนบ้างแต่ไม่มากนัก หรือบางครั้งแพทย์อาจจะให้ยานอนหลับและยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดและอาการร้อนได้
  5. เมื่อเสร็จสิ้นการรักษา แพทย์จะถอนเข็มออก แล้วปิดแผลไว้ 24 ชั่วโมง เมื่อครบกำหนดแพทย์จึงทำการเปิดแผล และทำความสะอาดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

> กลับสารบัญ


การปฏิบัติตัวภายหลังการรักษา

เมื่อเสร็จสิ้นการรักษา ผู้ป่วยจำเป็นต้องนอนราบบนเตียงนิ่งๆ เป็นเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการตกเลือด ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้ตามปกติและเปลี่ยนผ้าพันแผล ซึ่งต้องปิดแผลไว้อีก 1-2 วัน ด้วยพลาสเตอร์ปิดแผล โดยไม่ต้องมีการทำความสะอาดแผล สามารถทำกิจวัตรประจำวัน และทำงานได้ตามปกติยกเว้นงานหนัก เช่น แบกหามของหนัก หรือเล่นกีฬาที่ต้องออกแรงมาก หากมีอาการปวดให้ทานยาแก้ปวด แต่หากแผลมีลักษณะอักเสบหรือบวมให้กลับมาพบแพทย์

> กลับสารบัญ


การรักษามะเร็งตับด้วยการจี้ด้วยความร้อน RFA เป็นการรักษาอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสของการรักษาในผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดจากการรักษาด้วยวิธีอื่น ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งตับควรตรวจเช็คสุขภาพประจำปี และไม่เพียงแต่ตรวจเช็คเลือดเท่านั้น การทำอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน จะเป็นเครื่องมือที่คุ้มค่าที่จะใช้ตรวจพบมะเร็งระยะแรกของตับ เมื่อพบก้อนขนาดเล็กก็จะให้ผลการรักษาที่ดีได้




ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย





Share :

แพ็กเกจ/โปรโมชั่น

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย