มะเร็งตับโรคร้ายใกล้ตัว อาการไหนบ่งชี้เสี่ยงมะเร็งตับ| รพ.นครธน

ศูนย์ : ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ

บทความโดย : นพ. สมบุญ รุ่งจิรธนานนท์

มะเร็งตับโรคร้ายใกล้ตัว อาการไหนบ่งชี้เสี่ยงมะเร็งตับ| รพ.นครธน

เมื่อมีอาการของมะเร็งตับเกิดขึ้น เช่น ปวดท้อง ท้องอืด แน่นอึดอัดท้อง ไม่อยากรับประทานอาหาร มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อยบ้าง หรือโรคถุงน้ำดีอักเสบบ้าง จนไม่ทันได้ระวังและปล่อยให้โรคดำเนินต่อไปเมื่อโรคพัฒนาจนถึงระยะกลางและระยะสุดท้าย จึงจะสามารถเห็นอาการได้ชัดเจน และในเวลานั้นมักจะสูญเสียโอกาสในการรักษา ขึ้นขั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้การตรวจด้วยตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก รวมทั้งการเข้าพบแพทย์เฉพาะทาง ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีการทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาค่าการทำงานของตับ ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และเชื้อไวรัสตับอักเสบซี  หรือการตรวจหาภาวะไขมันพอกตับ ภาวะตับแข็งที่จะนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับ ด้วยเครื่องไฟโบรสแกน (FibroScan) เพราะมะเร็งตับระยะแรกหากได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพก็สามารถยืดการมีชีวิตอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นได้


มะเร็งตับโรคร้ายใกล้ตัว

มะเร็งตับ เป็นมะเร็งที่พบได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโรคมะเร็งที่เกิดในผู้ชายไทย โดยมักพบในคนอายุ 30-70 ปี และพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2-3 เท่า เนื่องจากเพศชายมีปัจจัยเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง โดยโรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ โดยสามารถแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ

  • มะเร็งตับชนิดเซลล์ตับ เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในเนื้อตับและพบได้มากที่สุด ซึ่งเกิดจากเซลล์ตับที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติจนกลายเป็นเนื้องอกร้าย
  • มะเร็งตับชนิดท่อน้ำดี เป็นเนื้องอกที่เกิดจากเซลล์บุท่อน้ำดีเจริญเติบโตผิดปกติ สาเหตุมาจากโรคพยาธิใบไม้ในตับ พบได้บ่อยทางภาคอีสาน รวมถึงการรับประทานอาหารบางชนิดที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น สารดินประสิวที่มีอยู่ในอาหารประเภทหมัก และอาหารจำพวกรมควัน เป็นต้น

สาเหตุมะเร็งตับ

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งตับในประเทศไทย คือ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งสามารถติดต่อได้ทางเลือด การติดจากแม่ไปสู่ลูกในครรภ์ ทางเพศสัมพันธ์ เมื่อเชื้อไวรัสเข้าไปอยู่ในเซลล์ตับก็สามารถกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังหรือกลายเป็นพาหะติดต่อผู้อื่นได้โดยตัวเองไม่มีอาการ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้กลายเป็นมะเร็งตับได้ ได้แก่

  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานาน
  • ภาวะตับแข็งจากทุกสาเหตุไม่ว่าจะจากแอลกอฮอล์หรือไวรัสตับอักเสบ
  • สารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในถั่วลิสง พริกแห้ง กระเทียม ธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งมาจากเชื้อราที่มีสารอะฟลาทอกซิน

อาการมะเร็งตับ

ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งตับในแต่ละรายอาจมีอาการแสดงแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่มีอาการในระยะแรก จนกว่าก้อนมะเร็งจะโตขึ้น และมีอาการแน่นอึดอัดท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อย บางรายมีอาการคล้ายกับโรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีอาการปวดชายโครงด้านขวา บริเวณตับ และเมื่อมะเร็งมีก้อนที่โตเพิ่มขึ้นอีก จะมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องโต ท้องบวมขึ้น มีน้ำในช่องท้อง นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  • ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดหรือเสียวชายโครงด้านขวา มีจุกเสียดแน่นท้อง
  • อาจปวดร้าวไปยังไหล่ขวาหรือใต้สะบักด้านขวา
  • ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม มีขาบวม
  • มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • คลำพบก้อนที่บริเวณตับ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

การตรวจและวินิจฉัยโรคมะเร็งตับ

เบื้องต้นจะทำการการซักประวัติ และการตรวจร่างกาย รวมทั้งการตรวจอื่นๆ ได้แก่

  1. การตรวจเลือดในห้องปฏิบัติการ ได้แก่
    • ตรวจหาค่าการทำงานของตับ ได้แก่ ค่า SGPT (ALT), SGOT (AST),  ALP (Alkaline phosphatase) ที่ผิดปกติ
    • การตรวจหาภูมิ และเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี
    • ตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP)
  2. การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน (Ultrasound Upper Abdomen) เป็นการตรวจดูตับ ตับอ่อน ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หรือมีก้อนที่ผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะใดหรือเปล่า
  3. การตรวจด้วยเครื่องไฟโบรสแกน (FibroScan) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ทางการแพทย์ที่ช่วยประเมินปริมาณไขมันในตับรวมถึงระดับพังผืด และตับแข็งได้โดยที่ผู้ป่วยไม่เจ็บตัว ใช้เวลาไม่นาน 
  4. การทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือบางครั้งอาจใช้การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อช่วยในการวินิจฉัย
  5. การตรวจชิ้นเนื้อตรงตำแหน่งก้อนเนื้อ (Biopsy)

มะเร็งตับกับการรักษา

การรักษามะเร็งตับจะขึ้นกับสภาวะความรุนแรงของโรค ขนาดและลักษณะของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรคและการแพร่กระจายของมะเร็ง รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยมีวิธีการรักษา ได้แก่

  1. การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก ถ้าอยู่ในระยะที่สามารถผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกได้ ก็จะใช้วิธีการผ่าตัดหรือการปลูกถ่ายตับ
  2. การรักษาด้วยความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุสูง (RFA) โดยคลื่นดังกล่าวจะส่งผ่านเข็มเล็ก ๆ ที่แทงผ่านเข้าไปในก้อนมะเร็งในตับ ซึ่งได้ผลดีในมะเร็งตับที่เล็กกว่า 3 เซนติเมตร
  3. วิธีฉีดยาเคมีบำบัด เป็นการฉีดยาเข้าไปยังเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงตับ ซึ่งเราเรียกว่า TACE หรือ TOCE จะใช้รักษามะเร็งตับในระยะโรคที่ก้อนมีขนาดใหญ่มากหรือมีหลายๆ ก้อน เช่น 3-5 ก้อนขึ้นไป

ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับ

การป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน รวมไปถึงผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการฉีด ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน เป็นต้น

หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านทางเดินอาหารและตับ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังหรือมีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ ควรรับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบรอยโรคได้เร็ว ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับลงได้ หรือปรึกษาปัญหาสุขภาพออนไลน์แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่กล่องข้อความด้านล่าง




ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

แพ็กเกจ/โปรโมชั่น

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย