IVF เทคโนโลยีช่วยคู่รักที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก
ศูนย์ : ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้

สำหรับคู่รักที่กำลังพยายามมีบุตรแต่ยังไม่สำเร็จ หรือ เป็นผู้มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก IVF (In Vitro Fertilization) หรือ การทำเด็กหลอดแก้ว คือ หนึ่งในวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยเหลือคู่รักที่มีปัญหาเรื่องภาวะมีบุตรยากให้สามารถมีบุตรได้ เป็นกุญแจสำคัญที่อาจช่วยเปิดประตูสู่การตั้งครรภ์ กระบวนการที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนี้ได้มอบความหวังและโอกาสอันล้ำค่า เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์และสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์
สารบัญ
IVF คืออะไร?


การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF คือ คำย่อมาจาก In Vitro Fertilization หรือภาษาไทยเรียกว่า การปฏิสนธินอกร่างกาย เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยให้คู่รักที่มีปัญหาในการมีบุตรสามารถตั้งครรภ์ได้ โดยกระบวนการหลัก คือ การคัดเชื้ออสุจิของฝ่ายชายในปริมาณที่มากและไข่ของฝ่ายหญิงหลายใบผสมกันในจานเพาะเลี้ยง (นอกตัวร่างกาย) ในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดตัวอ่อน จนได้ตัวอ่อนอายุ 3 -5 วัน และเมื่อตัวอ่อนเจริญเติบโตถึงระยะที่เหมาะสม แพทย์จะนำกลับไปใส่ในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง เพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์
IVF เหมาะสำหรับใคร?
การทำ IVF (In Vitro Fertilization) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่เหมาะสำหรับคู่รักที่ประสบปัญหาภาวะมีลูกยาก และมักจะเป็นทางเลือกที่พิจารณาเมื่อวิธีการรักษาอื่น ๆ ไม่ได้ผล หรือไม่สามารถใช้ได้ โดยทั่วไป IVF เหมาะกับกรณีดังต่อไปนี้
- ฝ่ายหญิง มีท่อนำไข่อุดตัน หรือเสียหาย
- มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ภาวะนี้อาจส่งผลต่อคุณภาพของไข่ การทำงานของรังไข่ ท่อนำไข่ และการฝังตัวของตัวอ่อน
- ฝ่ายหญิง มีภาวะไข่ตกผิดปกติ หรือไม่มีการตกไข่ เช่น ในผู้หญิงที่มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) หรือรังไข่เสื่อมก่อนวัย ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษากระตุ้นไข่ด้วยวิธีอื่น
- อายุของฝ่ายหญิงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ทั้งคุณภาพและจำนวนของไข่จะลดลง
- ฝ่ายชาย มีอสุจิมีปัญหาอย่างรุนแรง เช่น จำนวนอสุจิน้อยมาก, อสุจิมีการเคลื่อนไหวผิดปกติมาก หรืออสุจิมีรูปร่างผิดปกติมาก
- ภาวะไม่มีอสุจิในน้ำอสุจิ แต่สามารถเก็บอสุจิได้จากอัณฑะ/อัณฑะชั้นนอก (Testicular Sperm Extraction - TESE/PESA)
- ฝ่ายชาย มีปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศ เช่น ภาวะหลั่งอสุจิย้อนทาง หรือไม่สามารถหลั่งอสุจิได้ตามปกติ
- คู่รักที่มีภาวะมีบุตรยาก เมื่อฝ่ายหญิงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ (โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง) โดยไม่ได้คุมกำเนิด อย่างน้อย 1 ปี สำหรับฝ่ายหญิงที่มีอายุ ต่ำกว่า 35 ปี และอย่างน้อย 6 เดือน สำหรับฝ่ายหญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
การเตรียมตัวก่อนทำ IVF
การเตรียมตัวก่อนการรักษานั้น ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายควรปฏิบัติตนและดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การทำ IVF มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้
- ก่อนทำ IVF ต้องไปพบแพทย์เพื่อปรึกษา รวมทั้งรับการตรวจวินิจฉัยและการเตรียมตัวต่าง ๆ จากแพทย์ โดยเข้ารับการตรวจสุขภาพดูความสมบูรณ์ของร่างกายทั้งฝ่ายชายและหญิง เช่น การตรวจเลือดหาความเสี่ยงต่าง ๆ เกี่ยวกับพันธุกรรม การตรวจคุณภาพน้ำเชื้อในผู้ชาย เป็นต้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด ไม่ให้วิตกกังวลมากเกินไป
- งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือสอง หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ฝ่ายหญิง หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลสูง
- ฝ่ายหญิง เน้นรับประทานโปรตีนให้เพียงพอ (ประมาณ 60 กรัมต่อวัน) เพื่อบำรุงคุณภาพไข่ให้สมบูรณ์
- ฝ่ายหญิง ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 1.5 - 2 ลิตรต่อวัน
- ฝ่ายหญิง ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดิน หรือโยคะ เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดี
- ฝ่ายชาย หลีกเลี่ยงการติดเชื้อต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนและคุณภาพของอสุจิ
- ฝ่ายชาย ไม่ควรแช่น้ำอุ่น หรือเข้าซาวน่า เพราะความร้อนสูงสามารถทำลายอสุจิได้
- ฝ่ายชาย หลีกเลี่ยงการสวมใส่กางเกงชั้นในที่รัดแน่นจนเกินไป

อัตราความสำเร็จในการทำ IVF


การทำเด็กหลอดแก้ว IVF อัตราที่จะเกิดความสำเร็จของแต่ละคู่นั้นอาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น อายุของฝ่ายหญิง คุณภาพของไข่และอสุจิ คุณภาพของตัวอ่อน สุขภาพของฝ่ายหญิง โดยเฉลี่ยทุกช่วงอายุก็มีโอกาสตั้งครรภ์ถึง 50-60% ต่อรอบการรักษา หากมีอายุน้อยกว่า 35 ปี อัตราความสำเร็จมักจะสูงที่สุด อาจอยู่ที่ประมาณ 60-70% หากอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป อัตราความสำเร็จจะเริ่มลดลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่การเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรอบด้าน รวมถึงการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด คือหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จและความปลอดภัยตลอดการรักษา
IVF มีขั้นตอนเป็นอย่างไร?
การทำ IVF (In Vitro Fertilization) หรือการปฏิสนธินอกร่างกาย มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
- การกระตุ้นไข่ ฝ่ายหญิงจะได้ฉีดยากระตุ้นไข่ เพื่อให้สร้างไข่หลายฟองในรอบเดือนเดียว โดยเริ่มในวันที่ 2-3 ของรอบเดือน ฉีดยาวันละ 1 เข็ม ติดต่อกัน เฉลี่ยแล้วจะฉีดประมาณ 8-12 วัน โดยแพทย์จะทำการตรวจติดตามการเจริญเติบโตของไข่ โดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์ ร่วมกับการประเมินระดับฮอร์โมนโดยการตรวจเลือดเป็นระยะ
- การเก็บไข่ เมื่อพบว่าขนาดของถุงไข่โตเต็มที่แล้ว แพทย์จะให้ฉีดยาฮอร์โมน ซึ่งจะไปเหนี่ยวนำให้เกิดการสุกสมบูรณ์ของเซลล์ไข่ โดยจะทำการเจาะไข่ภายใน 34-36 ชั่วโมงหลังจากนั้น โดยการเจาะไข่ผ่านทางช่องคลอดภายใต้การดมยา และใช้เครื่องอัลตราซาวด์บอกตำแหน่ง หรือใช้ใข่จากการฝากไข่
- การเก็บอสุจิ ในวันเจาะไข่ ฝ่ายชายต้องมาเพื่อเก็บเชื้ออสุจิสำหรับปฏิสนธิ โดยให้ฝ่ายชายหลั่งอสุจิภายในภาชนะที่จัดไว้ให้ ซึ่งเป็นภาชนะปราศจากเชื้อ แล้วนำอสุจิที่ได้มาคัดเลือกตัวที่แข็งแรง ก่อนจะนำมาปฏิสนธิกับไข่
- การปฏิสนธิ นำไข่และอสุจิมาผสมกันในจานเพาะเลี้ยง ที่ห้องปฏิบัติการ
- การเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการ (Blastocyst Culture) โดยนำตัวอ่อนมาเลี้ยงภายในตู้เลี้ยงตัวอ่อน EmbryoScope Plus เป็นเครื่องเลี้ยงและติดตามการเจริญเติบโตของตัวอ่อนที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ความดัน ความชื้น และแสง โดยใช้เวลาเลี้ยงตัวอ่อนภายนอกร่างกายทั้งหมด 5 วัน จนถึงระยะบลาสโตซิสท์ (Blastocyst) ซึ่งเป็นระยะที่ตัวอ่อนมีความสมบูรณ์และแข็งแรง
- การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก แพทย์จะทำการใส่ตัวอ่อนกลับคืนสู่โพรงมดลูกให้ โดยใช้สายพลาสติกเล็ก ๆ สอดผ่านทางช่องคลอดเข้าไปในโพรงมดลูก แล้ววางตัวอ่อนลงไปภายใต้การอัลตราซาวด์ดูตำแหน่งที่เหมาะสม ทั้งนี้ขณะใส่ตัวอ่อน คนไข้จะรู้สึกตัวตลอดเวลา และไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ เมื่อใส่ตัวอ่อนเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะให้นอนพักอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนกลับบ้าน และเมื่อถึงบ้านให้นอนพัก ไม่ควรเดินขึ้นลงบันไดมาก ที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการออกกำลังช่วงท้องน้อยหรือหน้าขา ซึ่งแพทย์จะมียาสำหรับสอดช่องคลอดให้ทุกวันจนถึงวันนัด
- การตรวจว่าตั้งครรภ์ หลังใส่ตัวอ่อนไปแล้ว 12-14 วัน แพทย์จะทำการทดสอบการตั้งครรภ์ โดยการเจาะเลือด
วิธีดูแลตัวเองหลังทำ IVF


หลังจากการทำเด็กหลอดแก้ว IVF และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการย้ายตัวอ่อน ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญและละเอียดอ่อน การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มโอกาสในการฝังตัวของตัวอ่อนและการตั้งครรภ์ที่แข็งแรงขึ้น แม้จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เกือบปกติ แต่ก็มีข้อควรระวังและแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
- ช่วง 2-3 วันแรกหลังย้ายตัวอ่อน ควรงดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเยอะ เคลื่อนไหวมาก ๆ หลัง 3 วันไปแล้ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เกือบปกติ แต่หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณหน้าท้อง หรือต้องใช้แรงเบ่งมาก ๆ
- หลังจากการย้ายตัวอ่อน ควรพักผ่อนให้มากที่สุดในช่วง 2-3 วันแรก
- ควรงดเดินทางไกล ๆ หรือเดินทางด้วยรถที่สั่นสะเทือนมากในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังย้ายตัวอ่อน
- ควรงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะถึงวันนัดตรวจการตั้งครรภ์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีเส้นใยสูง หลีกเลี่ยงอาหารดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ จำกัดปริมาณคาเฟอีนไม่ให้มากเกินไป
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมารับประทานเอง
- ไปพบแพทย์ตามนัด
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องน้อยรุนแรง มีเลือดออกทางช่องคลอด (ไม่ว่าจะมากหรือน้อย) มีไข้สูง ตกขาวมีกลิ่นหรือสีผิดปกติ หรืออาการอื่น ๆ ที่ไม่แน่ใจ ควรไปพบแพทย์ทันที
ปัจจัยเสี่ยงในการทำ IVF
ปัจจัยความเสี่ยงและภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างและหลังการทำ IVF ได้แก่
- การตั้งครรภ์แฝด การย้ายตัวอ่อนหลายตัวเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ อาจนำไปสู่การตั้งครรภ์แฝด ปัจจุบันแพทย์มักจะแนะนำให้ย้ายตัวอ่อนเพียง 1-2 ตัวเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่อายุน้อยและมีตัวอ่อนคุณภาพดี
- อายุที่มากกว่า 35 ปีขึ้นไป อาจจะทำให้อัตราการเกิดเบาหวานและความดันมากขึ้น
- โรคประจำตัว เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ โรคทางภูมิแพ้ อาจทำให้มีความเสี่ยง
- มีภาวะแท้งบ่อย หรือปากมดลูกสั้น ภาวะเหล่านี้ก็จะทำให้คุณแม่อยู่ในกลุ่มที่มีครรภ์ความเสี่ยง
- อาจมีเลือดออกเล็กน้อยหลังการเก็บไข่หรือการย้ายตัวอ่อน ซึ่งมักจะหยุดเองได้
IVF กับ ICSI แตกต่างกันอย่างไร?
การทํา IVF (In Vitro Fertilization) และ icsi (Intracytoplasmic Sperm Injection) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยมีขั้นตอนที่คล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างกันในขั้นตอนการปฏิสนธิ โดย IVF มีวิธีการทำ คือ การนำไข่และเชื้ออสุจิที่แข็งแรงไปไว้ในจานหลอดทดลองเพื่อให้เกิดการผสมกันเอง แต่ในขณะที่การทํา ICSI จะเป็นการฉีดเชื้ออสุจิที่แข็งแรงเข้าไปในไข่โดยตรง
IVF เทคโนโลยีเพิ่มความสำเร็จของการตั้งครรภ์
สำหรับคู่รักที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มโอกาสในการมีบุตร หรือมีภาวะมีบุตรยาก การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ถือเป็นเทคโนโลยีทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี ถ้าอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ IVF ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้ โรงพยาบาลนครธน มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ พร้อมให้คำแนะนำและช่วยเหลือในทุกขั้นตอน ไม่ต้องลังเลที่จะติดต่อเข้ามาสอบถามก่อนได้เลย เราพร้อมให้บริการท่านด้วยความยินดี
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


นพ.องอาจ บวรสกุลวงศ์
สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา / เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
แพ็กเกจ/โปรโมชั่น
บทความทางการแพทย์ศูนย์นครธน กิฟท์ เฟอร์ทิลิตี้