อัลไซเมอร์ มีอาการแบบไหน ทำไมถึงเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม
ศูนย์ : ศูนย์สมองและระบบประสาท
บทความโดย : พญ. รุ่งทิพย์ ชัยธีรกิจ

หากผู้สูงอายุที่บ้านของคุณ มีพฤติกรรมและอารมณ์ที่เปลี่ยนไป มีอาการหลงลืม สับสนเรื่องเวลา สถานที่ ไม่สามารถรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และใช้ภาษาผิดปกติ พฤติกรรมเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญให้ระวังการเป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) โดยข้อแตกต่างสำคัญระหว่างผู้ที่มีอาการขี้ลืมหรือหลงลืมตามวัย กับการเริ่มเข้าสู่กลุ่มเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ มีข้อสังเกตที่ต้องใช้ความใส่ใจและวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด
สารบัญ
อัลไซเมอร์ (Alzheimer) คืออะไร?


อัลไซเมอร์ หรือ Alzheimer คือ โรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่ทำให้การทำงานของสมองแต่ละด้านค่อย ๆ เสื่อมถอยแบบค่อยเป็นค่อยไป สาเหตุหลักมาจากการสะสมของโปรตีนผิดปกติ 2 ชนิดหลัก ๆ ในเนื้อสมอง ได้แก่ เบตา-อะไมลอยด์ (Beta-amyloid) และ ทาว (Tau) โปรตีนเหล่านี้จะไปทำลายเซลล์สมอง ทำให้เซลล์สมองตาย และส่งผลให้ปริมาตรของเนื้อสมองฝ่อลงเรื่อย ๆ และเมื่อเซลล์สมองถูกทำลายไปถึงระดับหนึ่ง สมองจะค่อย ๆ สูญเสียความสามารถในการทำงาน ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความคิด ความจำ พฤติกรรม และการใช้ชีวิตประจำวันโรคอัลไซเมอร์ ยังเป็นภาวะสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่พบบ่อยที่สุด โดยพบได้ประมาณ 60-80% ของผู้ป่วยสมองเสื่อมทั้งหมด
สาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์ สาเหตุหลักมาจากการสะสมของ โปรตีนผิดปกติ 2 ชนิด ในเนื้อสมองของผู้ป่วย ได้แก่ โปรตีนอะไมลอยด์ (Amyloid) และ โปรตีนทาว (Tau) เมื่อโปรตีนเหล่านี้เริ่มสะสมตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จะส่งผลให้เซลล์สมองเสียหายและตายลงไปในที่สุด ทำให้ ปริมาตรของเนื้อสมองลดน้อยลง เมื่อเซลล์สมองถูกทำลายไปมากพอ สมองจะค่อย ๆ สูญเสียความสามารถในการทำงานอย่างช้า ๆ จนนำไปสู่ ภาวะสมองเสื่อม ในที่สุด
โดยอัลไซเมอร์นั้น จะมีการดำเนินโรคอย่างช้า ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยอาการแรกเริ่มที่สำคัญของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ คือ การสูญเสียความจำระยะสั้น ซึ่งเป็นอาการที่ใกล้เคียงกับภาวะความจำเสื่อมตามธรรมชาติในผู้สูงอายุ แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้ป่วยร้อยละ 80-90 จะมีอาการทางพฤติกรรมหรือทางจิตเวชร่วมด้วย ซึ่งอาการทางพฤติกรรมนี่เองที่ทำให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะรายที่มีอาการก้าวร้าว
อัลไซเมอร์ มีกี่ระยะ โดยโรคอัลไซเมอร์อาจแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็นสามระยะ ได้แก่
- ระยะแรก ผู้ป่วยจะมีความจำถดถอยจนตัวเองรู้สึกได้ ชอบถามซ้ำ พูดซ้ำ ๆ เรื่องเดิม สับสนทิศทาง เริ่มเครียด อารมณ์เสียง่ายและซึมเศร้า
- ระยะกลาง ผู้ป่วยมีอาการชัดเจนขึ้น ความจำแย่ลงอีก เดินออกจากบ้านไปโดยไม่มีจุดหมาย พฤติกรรมเปลี่ยนไปมาก เช่น จากที่เป็นคนใจเย็นก็กลายเป็นหงุดหงิดฉุนเฉียว ก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย เป็นต้น
- ระยะสุดท้าย ถือว่าเป็นระยะรุนแรง ผู้ป่วยจะตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างน้อยลง สุขภาพทรุดโทรมลงคล้ายผู้ป่วยติดเตียง รับประทานได้น้อยลง การเคลื่อนไหวน้อยลงหรือไม่เคลื่อนไหวเลย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ปัสสาวะหรืออุจจาระเล็ด เนื่องจากกลั้นไม่อยู่ และสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องพึ่งพาผู้อื่นในเรื่องง่าย ๆ เช่น ป้อนข้าว อาบน้ำ เป็นต้น รวมทั้งภูมิคุ้มกันอ่อนแอเป็นสาเหตุให้เกิดโรคแทรกซ้อน ภาวะการติดเชื้อที่นำไปสู่การเสียชีวิตได้
ปัจจัยเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์มีอะไรบ้าง?


นอกจากสาเหตุหลักข้างต้น ยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ คืออะไรบ้างนั้น ดังนี้
- อายุ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ
- พันธุกรรม แม้โรคอัลไซเมอร์ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยตรง แต่หากมีประวัติคนในครอบครัว โดยเฉพาะญาติสายตรงเป็นโรคนี้ ก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น มียีนบางชนิด ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความเสี่ยงของโรค
- โรคประจำตัว โรคเรื้อรังบางชนิดที่ส่งผลต่อสุขภาพหลอดเลือดสมอง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วน
- วิถีชีวิตและพฤติกรรม เช่น การไม่ออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การขาดการกระตุ้นสมองและขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ภาวะซึมเศร้า
- การบาดเจ็บที่ศีรษะ การเคยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงอาจเพิ่มความเสี่ยงได้
- โรคหลอดเลือดสมอง

อาการของโรคอัลไซเมอร์เป็นอย่างไร?
อาการของโรคอัลไซเมอร์จะค่อย ๆ แย่ลงตามลำดับ โดยอาการที่บ่งบอกว่าเป็นอัลไซเมอร์ ดังนี้
- ความเข้าใจภาษาลดลง ใช้ภาษาไม่ถูกต้อง เรียกชื่อสิ่งของไม่ถูก อาจหยุดพูดกลางคันและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรต่อ รวมถึงอาจพูดน้อยลง
- อาการหลงลืม เช่น หลงลืมสิ่งของ ลืมนัด จำเหตุการณ์หรือคำพูดที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้ ลืมสิ่งใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ลืมวันสำคัญหรือเหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมา
- สับสนเรื่องเวลาหรือสถานที่ หลงฤดูกาล กลับบ้านไม่ถูก อาจลืมว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใดและเดินทางมายังสถานที่นั้นได้อย่างไร
- จำบุคคลที่เคยรู้จัก เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัวไม่ได้ คิดว่าเป็นคนแปลกหน้า
- ไม่สามารถทำกิจกรรมที่เคยทำได้มาก่อน เช่น ลืมวิธีการเปลี่ยนช่องทีวี
- มีปัญหาเรื่องการนับหรือทอนเงิน การใช้โทรศัพท์ การดูนาฬิกา
- บกพร่องในการรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่ทราบว่าของสิ่งนี้มีไว้ทำอะไร หรือไม่สามารถแยกแยะรสชาติหรือกลิ่นได้
- บกพร่องในการบริหารจัดการ และตัดสินใจแก้ไขปัญหา ไม่กล้าตัดสินใจหรือตัดสินใจผิดพลาดบ่อย ๆ
- บกพร่องในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว ไม่สามารถไปไหนตามลำพังได้
- มีพฤติกรรมที่อาจเกิดปัญหายุ่งยาก เช่น ออกนอกบ้านเวลากลางคืน
- บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง เช่น ซึมเศร้า เฉื่อยชา โมโหฉุนเฉียวง่ายโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน พฤติกรรมก้าวร้าว เห็นภาพหลอน หวาดระแวง
การตรวจวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์


แพทย์จะมีการซักประวัติจากผู้ป่วย ญาติ หรือผู้ดูแลที่สามารถให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับความสามารถในชีวิตประจำวัน และพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความถดถอยด้านการทำงานของสมอง จากนั้นจะเริ่มการทดสอบทางสมอง เพื่อวัดสมรรถภาพการทำงานประเมินความบกพร่องในการรับรู้เพื่อใช้วินิจฉัยโรค เช่น ให้ทำแบบทดสอบกระดาษหน้าเดียวที่มีคำถามเกี่ยวกับความรู้ทั่วไป ทักษะสมอง คิดเลข ร่วมกับการตรวจร่างกายและเลือกการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสม เพื่อให้การวินิจฉัยแยกโรคที่ถูกต้องว่าผู้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือสมองเสื่อมหรือไม่ และมีสาเหตุจากอะไร เช่น เกิดจาก เส้นเลือดในสมองตีบ เป็นต้น โดยการตรวจในห้องปฏิบัติการจะประกอบไปด้วย การตรวจเลือดต่าง ๆ การตรวจภาพสมองด้วยเครื่อง Computed Tomography (CT) หรือ Magnetic Resonance Imaging (MRI)
วิธีการรักษาโรคอัลไซเมอร์
ในด้านของการรักษานั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุเป็นหลัก โดยผู้ป่วยที่ภาวะสมองเสื่อมซึ่งเกิดจากความเสื่อมของเซลล์ประสาทหรือเกิดจากโรคอัลไซเมอร์นั้น ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด โดยมีแนวทางการรักษาและชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง ดังนี้
1. การให้ยาที่ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง ซึ่งมักจะได้ผลกับผู้ป่วยในระยะเริ่มแรก ร่วมกับการให้ยารักษาอารมณ์และพฤติกรรมที่ผิดปกติในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง 2. การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วยในการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้ยา ได้แก่- การรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นสมองด้วยกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน (TDCS; Transcranial Direct Current Stimulation) เพิ่มความจำและความสามารถของสมอง สามารถช่วยเพิ่มความจำและความสามารถของสมองได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการอัลไซเมอร์ในระยะแรก และระยะกลาง ที่มีอาการไม่รุนแรงมากนัก
- การรักษาด้วย TMS เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นคลื่นแม่เหล็กที่สามารถทะลุผ่านอวัยวะต่าง ๆ เข้าไปได้ลึก ประมาณ 1-3 เซนติเมตร เพี่อเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของระบบ ส่งผลให้เกิดการหลั่งสารสื่อประสาทที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมและการสร้างวงจรระบบประสาทต่าง ๆ ภายในสมองของผู้ป่วยที่มีภาวะความจำถดถอยจากโรคอัลไซเมอร์ โดยการกระตุ้นสมองในตำแหน่งต่าง ๆ
- ฝึกสมองเป็นประจำ เช่น เล่นเกมฝึกความจำ เล่นหมากรุก หรือทำแบบฝึกหัดลับสมอง
- อ่านหนังสือ หัดเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อย่างเช่น ภาษาที่สอง ดนตรี หรือทักษะใหม่ ๆ
- หลีกเลี่ยงการปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉย ๆ นาน ๆ โดยไม่ไม่มีกิจกรรม
- เน้นกินผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ธัญพืช ปลา ถั่ว และน้ำมันมะกอก
- ลดอาหารที่มีไขมันทรานส์ ไขมันอิ่มตัว น้ำตาล และเกลือสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือเต้นแอโรบิก ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังสมอง และลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้อง
- นอนหลับให้เพียงพอ ลดความเครียดและดูแลสุขภาพจิต
- ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ให้อยู่ในระดับพอดี
อัลไซเมอร์หากรู้เร็ว รักษาทัน ป้องกันได้
ไม่มีใครอยากเป็นโรคอัลไซเมอร์จึงควรดูแลตัวเองด้วยวิธีง่าย ๆ คือ หมั่นบริหารสมอง เช่น อ่านหนังสือเป็นประจำ ดูแลสุขภาพจิตให้ดี และสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้สูงอายุที่บ้านมีสัญญาณอาการดังกล่าว หรือข้อใดข้อหนึ่ง ควรเริ่มตรวจวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ เพราะโรคนี้หากรู้เร็ว รักษาทัน ป้องกันภาวะอัลไซเมอร์ด้วยการปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง โดยศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน พร้อมตรวจรักษา ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ และให้คำปรึกษาผู้ดูแลผู้ป่วย โดยแพทย์เฉพาะทาง ประเมินสภาวะสมองด้านต่าง ๆ โดยใช้แบบประเมินมาตรฐานสากล พร้อมให้คำแนะนำที่เหมาะสม และวางแผนการรักษาร่วมกับการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี TDCS และ TMS เป็นวิธีการรักษาอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการความจำถดถอย
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สมองและระบบประสาท