ไมเกรน อาการปวดหัวที่ไม่ธรรมดา พร้อมวิธีการรับมืออย่างเหมาะสม
ศูนย์ : ศูนย์สมองและระบบประสาท
บทความโดย : พญ. รุ่งทิพย์ ชัยธีรกิจ

ไมเกรน ไม่ใช่แค่ "ปวดหัว" ธรรมดา แต่มันคืออุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางความสุข ความสำเร็จ และอิสระในการใช้ชีวิตของคุณ ไมเกรนกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน อาการปวดศีรษะที่ไม่เพียงแต่ลดประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนคุณภาพชีวิตโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะช่วยปลดล็อกคุณจากไมเกรน ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มมีอาการ หรือต้องเผชิญกับปัญหามาอย่างยาวนาน ก็สามารถรับมือ กับอาการได้อย่างถูกวิธี พร้อมค้นพบแนวทางการรักษาและบำบัดที่เหมาะสมกับคุณ
สารบัญ
ไมเกรน (Migraine) คืออะไร?


ไมเกรน (Migraine) คือ อาการปวดศีรษะชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเฉพาะคือปวดตุบ ๆ ที่ศีรษะ มักเกิดที่ข้างใดข้างหนึ่ง และมักมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ตาไวต่อแสง (Photophobia) หรือไวต่อเสียง (Phonophobia) ไมเกรนไม่ใช่แค่อาการปวดศีรษะธรรมดา แต่เป็นโรคทางระบบประสาทที่มีความซับซ้อน ซึ่งไมเกรนเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองและการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะสารที่ชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin), glutamate, GADA รวมไปถึง CGRP ที่มีบทบาทสำคัยต่อการปวดศีรษะ
ไมเกรนมีกี่ประเภท?
ไมเกรนสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท โดยหลัก ๆ จะแบ่งตามลักษณะอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งประเภทที่พบบ่อยมีดังนี้
1. ไมเกรนแบบไม่มีออร่า หรือไม่มีอาการเตือนนำมาก่อน (Migraine without Aura)- เป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 70-80% ของผู้ป่วยไมเกรน
- มีอาการปวดศีรษะข้างเดียว (แต่ก็อาจเป็นสองข้างได้)
- ปวดแบบตุบ ๆ หรือเหมือนมีอะไรมาทุบ
- ความรุนแรงของอาการปวดอยู่ในระดับปานกลางถึงรุนแรง
- มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และ/หรือไวต่อแสงและเสียงร่วมด้วย
- ไม่มีอาการนำ (ออร่า) เกิดขึ้นก่อนอาการปวดหัว
- พบได้ประมาณ 20-30% ของผู้ป่วยไมเกรน มีอาการนำ (ออร่า) เกิดขึ้นก่อนอาการปวดหัว โดยมักเกิดขึ้นประมาณ 5-60 นาที และหายไปก่อนที่อาการปวดหัวจะเริ่มขึ้น
- อาการออร่าที่พบบ่อย ได้แก่ การมองเห็นผิดปกติ เห็นแสงวาบ เส้นหยัก จุดดำ ภาพเบลอ หรือมองไม่เห็นชั่วคราว รู้สึกชาเหมือนมีเข็มทิ่ม หรือรู้สึกอ่อนแรงที่แขนขาซีกใดข้างหนึ่งได้
- หลังจากอาการออร่าหายไป จะเริ่มมีอาการปวดศีรษะแบบไมเกรนตามมา ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับไมเกรนแบบไม่มีออร่า
อาการปวดหัวไมเกรนเป็นอย่างไร?


ปวดไมเกรน เป็น อาการปวดหัวตุบ ๆ ปวดหัวข้างเดียว (Unilateral) จากความผิดปกติชั่วคราวของสารเคมีในสมอง และมีการปล่อยสาร Neuropeptide ที่ชื่อ CGRP ออกมา ทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว และอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการปวดตามมา อาจมีคลื่นไส้อาเจียนและแพ้แสงร่วมด้วย โดยมีลักษณะอาการปวดหัวไมเกรน จะแบ่งได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่
- ระยะก่อนมีอาการ (Prodrome) 24 ชม. ก่อนปวดหัว มีอาการเหนื่อยเพลีย ตื้อ หงุดหงิด ไวต่อแสงเสียง คิดช้า
- ระยะอาการนำ (Aura) 20-40 นาที ก่อน/ระหว่างปวดหัว มีความผิดปกติในการมองเห็น (แสงวาบ ซิกแซก) บางรายมีแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก ทั้งนี้ อาการ Aura จะเกิดขึ้นในบางคนเท่านั้น
- ระยะปวดศีรษะ (Headache) ปวดข้างเดียว/สองข้าง ตุบ ๆ นาน 30-60 นาที จนปวดมาก คงอยู่ 6 - 72 ชม. ร่วมกับคลื่นไส้ อาเจียน หงุดหงิด ปวดคอ แพ้แสงเสียง
- ระยะหาย (Postdrome) หลังปวดหัว มีอาการอ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ไม่แจ่มใส ปัสสาวะมาก/กระหายน้ำ นาน 1 ชม.- 4 วัน (เฉลี่ย 2 วัน)

ไมเกรนมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง?
สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดไมเกรนยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้ ดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงระดับของสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง เช่น Serotonin, GADA, CGRP มีบทบาทสำคัญในการเกิดไมเกรน
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิง โดยเฉพาะช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือหมดประจำเดือน
- ความเครียด ทั้งความเครียดและการคลายความเครียดอย่างกะทันหัน
- สภาพแวดล้อม แสงจ้า แสงแฟลช เสียงดัง กลิ่นแรง การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
- อาหารและเครื่องดื่ม อาหารบางชนิด การอดอาหาร การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป
- การนอนหลับไม่เพียงพอ หรือมากเกินไป การเปลี่ยนแปลงตารางการนอน
- การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพการออกกำลังกายอย่างหนัก การเดินทาง การเปลี่ยนแปลงความกดอากาศ
- ยาบางชนิด
- การสูบบุหรี่
วิธีรักษาอาการปวดหัวไมเกรน


อาการไมเกรนสามารถควบคุมได้ด้วยการดูแลตนเองที่ถูกต้องและการใช้ยาไมเกรนอย่างเหมาะสม โดยศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธนจะมีการรักษาไมเกรน ได้แก่
1. การรับประทานยาแก้ปวดหัวไมเกรน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ- ยาบรรเทาอาการปวดเฉียบพลัน (Acute Treatment) ยาแก้ปวดไมเกรนใช้เมื่อมีอาการปวดหัวไมเกรน เพื่อลดความรุนแรงและระยะเวลาของอาการ เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน ยาในกลุ่ม Triptan ยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
- ยาป้องกันอาการปวดหัวไมเกรน เช่น ยากลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta-blockers) เช่น โพรพราโนลอล (Propranolol) ยากันชัก (Antiepileptics) เป็นต้น
ยากลุ่ม CGRP Monoclonal Antibodies เป็นยาฉีดกลุ่มใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไมเกรนโดยเฉพาะ ยาเหล่านี้จะออกฤทธิ์ยับยั้ง Calcitonin Gene-Related Peptide (CGRP) ซึ่งเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการเกิดไมเกรน
3. เทคโนโลยีทางการแพทย์รักษาไมเกรนอาการปวดหัวไมเกรนสามารถบรรเทาได้ด้วยเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า TMS (Transcranial Magnetic Stimulation) ซึ่งเป็นวิธีการกระตุ้นสมองเพื่อควบคุมภาวะเซลล์สมองที่ตื่นตัวเกินไป (cortical hyperexcitability) ช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการไมเกรน ทั้งในระยะเฉียบพลันและระยะป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
นอกจากนี้ การหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น ความเครียด การนอนน้อย อาหารบางชนิด (ไวน์ ช็อกโกแลต ผงชูรส แอลกอฮอล์) และสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้น (แสงจ้า เสียงดัง ควันธูป) ก็เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมอาการไมเกรนอย่างได้ผล โดยทำควบคู่ไปกับการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ปวดหัวไมเกรนมีวิธีป้องกันอย่างไร?
วิธีป้องกันอาการปวดหัวไมเกรน ทำได้โดยการปรับพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ส่งผลต่อสมอง โดยหลัก ๆ มีดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและเป็นเวลา ควรนอน 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และเข้านอน-ตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกวัน แม้ในวันหยุด
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น สังเกตและหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดไมเกรนในแต่ละบุคคล เช่น แสงจ้า เสียงดัง กลิ่น สภาพอากาศ อาหารบางชนิด ความเครียด การอดนอน การดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไป
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดความเครียดและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
- จัดการความเครียด หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การทำสมาธิ โยคะ
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ห้ามอดอาหารหรือเว้นมื้ออาหาร ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- ใช้ยาป้องกันตามแพทย์สั่ง สำหรับผู้ที่มีไมเกรนบ่อยหรือรุนแรง อาจต้องใช้ยาเพื่อป้องกันอาการ ควรติดตามอาการกับแพทย์อย่างต่อเนื่อง
- จดบันทึกไมเกรน บันทึกเวลา อาหาร และกิจกรรมก่อนเกิดไมเกรน ช่วยให้รู้สาเหตุเฉพาะบุคคล และสามารถหลีกเลี่ยงได้ตรงจุด
ไมเกรน วางแผนการรักษา ป้องกันอย่างเหมาะสม
การจัดการกับไมเกรนต้องอาศัยความเข้าใจในตัวโรค การสังเกตและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นของแต่ละบุคคล และที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง โดยศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน ตรวจวินิจฉัย และหาสาเหตุ อาการปวดหัวไมเกรน หรือโรคทางสมองและระบบประสาท อาทิ โรคหลอดเลือดสมอง ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยที่ทันสมัย พร้อมให้คำแนะนำที่เหมาะสม และวางแผนการรักษาอาการปวดหัวไมเกรนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา เทคโนโลยี TMS หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ป่วยไมเกรนสามารถควบคุมอาการและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น
ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:
- - Website : https://www.nakornthon.com
- - Facebook : Nakornthon Hospital
- - Line : @nakornthon
- - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย
บทความทางการแพทย์ศูนย์สมองและระบบประสาท